9/01/2011

คิดถึงอาตี

ผมไม่มีไอพอด ไอแพด หรือสมาร์ทโฟนไว้จิ้มเล่น
เลยใช้วิธีอ่านหนังสือในระหว่างที่ว่างเวลาเดินทางแทน
เล่มที่ผมอ่านอยู่ ณ ปัจจุบันชื่อ “เมนูปรารถนา” ของคุณฮิมิโตะ ณ เกียวโต
(หรือในอีกนามปากกาว่า คำ ผกา)
ชอบในสำนวน และพยายามหาผลงานของเธอมาอ่านอยู่เรื่อยๆ

ในเล่มนี้ บทหนึ่งที่ชื่อว่า “น้ำพริกน้ำทิพย์” เธอเขียนเล่าถึงเรื่องที่เธอมีโอกาสได้ไปลิ้มชิมเมนูน้ำพริกของเด็กสาวชาวอาข่า ซึ่งส่วนผสมหลักของน้ำพริกที่ว่าก็คือ เกลือกับผงชูรส เด็กสาวบอกว่าทำ/ตำน้ำพริกนี้ไว้จิ้มกินทีไรก็จะนึกถึงพ่อ เพราะพ่อเธอทำน้ำพริกสูตรนี้ให้เธอกินประจำสมัยเด็กๆ

พอได้เห็นวลี “เกลือกับผงชูรส” แล้วผมก็นึกถึงอาตีขึ้นมาทันที

อาตีก็เป็นชาวอาข่าเช่นกัน มีลูกสาวน่ารักมากๆ (และก็ซนมากๆ) ชื่อว่าอาบู๊ยา
(ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะโตกว่าเดิมมากแล้ว)
ผมเคยได้รู้จักและร่วมงานด้วยตอนขึ้นไปตะลอนถ่ายรูปพี่น้องชนเผ่าต่างๆ ที่เชียงราย ซึ่งการทำงานรอบนั้นก็ได้อาตีนี่แหละเป็นคนนำทางให้ เราเคยได้นั่งคุยกันบนเฉลียงหน้าบ้านของสมชายที่หมู่บ้านจะแลในวันที่ฝนตกเจื้อยแจ้ว
ผมชวนคุยถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่อาตียังอยู่บนดอยก่อนที่จะลงมาทำงานพื้นราบกับกระจกเงา เรื่องหนึ่งที่อาตีเล่าให้ฟังและผมจำได้แม่นยำเลยก็คือเรื่องเกลือกับผงชูรสอย่างที่เกริ่นไว้

อาตีเล่าว่าตอนที่อยู่บนดอย อาหารการกินนั้นอุดมสมบูรณ์มาก
ข้าวก็ปลูกกินเอง เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู ดักปลาเอาในแหล่งน้ำลำธาร นึกสนุกก็เข้าป่าไปหาอาหารเอา ขุดเผือกขุดมันกินกันไปตามประสา พืชผักผลไม้มีมากมายกินไม่หวาดไม่ไหว นานๆ ทีนั่นแหละจึงจะลงจากดอยเข้าเมืองมาซื้อของ
และของที่ซื้อกลับขึ้นไปบนดอยเมื่อเข้ามาตลาดในเมืองก็มีอยู่แค่สองอย่างอย่างที่บอกไป

คือเกลือ กับผงชูรส

4 comments:

จันทร์ฉาย said...

เดี๋ยวจะไปบอกอาตีให้นะ ว่ามีคนคิดถึง

อาตี said...

ฮ่าๆๆ คิดถึงเหมือนกันครับลี่

ผมนึกถึงบรรยากาศเมื่อก่อน ที่เคยเล่าให้ลี่ฟัง มาตอนนี้ต่างกันมาก เราต้องซื้อทุกอย่าง หนำซ้ำ คนเราก็กินเยอะขึ้นด้วย ซึ่งความต่างจะอยู่ที่ คุณค่าของอาหารที่เรากินเข้าไประหว่างเมื่อก่อนกับตอนนี้ต่างกันมาก

DRWIT said...

ปกติเวลาทำอาหารเอง จะไม่ใช้ผงชูรสเด็ดขาด... แต่ใส่รสดี เยอะๆ ไม่อั้นเลยครับ อิอิ

1306ix said...

ว้าว DRWIT มาเจิมคอมเม้นต์ให้แล้ว

^^