5/13/2014

พี่ต้อ หน้าจอ และคนข้างๆ


กำลังใจจากน้อง ๆ ที่สำนักงานถูก Tag ถึงผ่านมาทางเฟสบุ๊ก
ผมจะไม่ได้นั่งที่นั่นอีกนาน อย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งอาทิตย์ หมอบอกให้พักผ่อน และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สายตาเพราะเพิ่งผ่านการผ่ามา คุณหมอสาวสุดสวยถึงขนาดเขียนในใบรับรองแพทย์ว่าให้พักผ่อนถึงหนึ่งเดือนเต็ม!

เรื่องคือก่อนหน้านี้ผมไปตรวจตามา เพราะรู้สึกว่าตาซ้ายมันเบลอ ๆ ไอ้เราก็ไพล่คิดไปว่าไม่สั้นก็ยาวกระมัง เริ่มจากร้านแว่นไก่กาตัดสายตาประกอบแว่นนี่แหละ น้องแว่นพนักงานขายที่ร้านบอกว่าสายตาปกติดีผมก็เลยรู้ว่าไม่ปกติ เลยโยกไปตรวจที่จักษุรัตนิน (เพราะใกล้กับสำนักงาน) ปรากฎพบว่าเป็นต้อกระจกที่ตาซ้าย ฉิบหายสิกูทีนี้!! ก็ต้องขึ้นเขียงผ่าตัดลอกออกสถานเดียว จากนั้นก็ต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่ง เวลาและนารีไม่คอยคอยใครฉันใด ฉันนั้นก็เลยนัดวันผ่าแล้วยื่นลางานในทันใด ปล่อยทิ้งไว้ก็ไลฟ์บอย

การผ่าตัดครั้งแรกในรอบ 33 ปีเรียบร้อยดี (ย้ายมาผ่าที่รามาฯ เพราะหมอน่ารักกว่า) พี่ต้อโบกมือลาไปโดยสวัสดิ์พร้อมกับติดเลนส์ตาดั้งเดิมของผมไปด้วย ที่มาแทนที่คือเลนส์ตาเทียมระยะไกลคุณภาพระดับ HD 

สามวันหลังออกจากโรงหมอกลับมาพักต่อที่ห้องผมก็เปิดเฟสบุ๊กเล่นเช่นเคย
(แจ้งเตือน -- มีข้อความที่ยังไม่ได้เปิดดู -- ผมกดแสดงผล)
กำลังใจจากน้อง ๆ ที่สำนักงานถูก Tag ถึงผ่านมาทางเฟสบุ๊ก

ใช้เพียงตาข้างเดียวมองก็ชัดเจนและรู้สึกได้
ว่าสวยด้วยมิตรจิต ว่างามในมิตรใจ

_____________

ป.ล. ขอบคุณคุณประกายมากถึงมากที่สุด ที่อยู่เคียงข้างเสมอมา

4/24/2014

ผักกะปลา

ช่วงครึ่งปีมานี่ผมหวนหาการกลับมากินข้าวกินปลาที่บ้านเสมอ
กายและงานการน่ะอยู่กรุงเทพฯ แต่อวัยวะภายในมันร่ำร้องถึงแต่สำรับกับข้าวที่บ้าน โดยเฉพาะกระเพาะ ยิ่งช่วงนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ด้วยที่ว่าแม่ผมแกปลูกผักกินเองแล้ว ผมจึงได้กินผักสด ๆ จิ้มกับน้ำพริกกะปิอันเลื่องชื่อของแม่แกทุกมื้อไป (ที่ว่าเลื่องชื่อลือชานั้นการันตีจากผมเอง)

แกเปรยไว้นานแล้วว่าอยากจะปลูกผักกินเองดูบ้าง น่าจะสนุก ติดตรงที่แกต้องถางที่ทางทำแปลงเอง เลยผัดผ่อนวันเวลาเรื่อยมา  ระหว่างนั้น ช่วงหนึ่งแกไปได้เชื้อเห็ดมาจากเพื่อนบ้าน ก็เอามาทดลองเพาะจนโต เก็บมาทำกินได้อยู่สามสี่มื้อ ก่อนจะรามือหันไปเพาะถั่วงอกแทน ค่าที่ว่ามันง่ายกว่า เจ้าถั่วงอกนี่ก็งอกงามเช่นกัน จับผัดกินกับตะกั๋ว (เต้าหู้) ไม่ก็หมูได้หลายมื้ออยู่ แล้วก็มาเป็นคิวของผักใบเขียว

อย่างที่บอก  แม่แกร่ำไปเรื่อยเรื่องแปลง จนคนที่ทนไม่ได้กลับเป็นพ่อผมเอง วันดีคืนดีแกเลยลุกขึ้นมาจับจอบจัดให้ และอานิสงส์นั้นก็ได้ตกลงกระเพาะผมด้วย

แปลงผักง่าย ๆ ของแม่นั้นล้อมรั้วเพื่อกันหมาด้วยไม้ไผ่ ภายในก็จะประกอบไปด้วยผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง กวางตุ้งฮ่องเต้ บวบ มะเขือ หัวไช่ (กุยฉ่าย) นี่ยังไม่รวมเถาถั่วพู พริก กะเพรา มะนาวกับมะละกอที่งอกเงยขึ้นมาของมันเอง  คุณลองคิดดูว่ามันวิเศษแค่ไหนที่เรามีผักเป็นแปลง ๆ สำหรับกินแกล้มในสำรับ เวลาผมได้ฤกษ์จะกลับบ้านแม่มักจะโทร.มาถามดักก่อนว่าจะมาถึงในมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ถ้าวันนั้นไม่ติดงานอะไรแกก็จะก่อไฟในเตาแล้วบรรจงย่างปลาไว้คอย  

พูดถึงปลา  ก่อนหน้านี้เกษตรฯ จังหวัดเคยมาลงพื้นที่แจกเมล็ดพันธุ์พืชและพันธุ์ปลาที่วัด พ่อผมแกก็ไปเอาพันธุ์ปลามาปล่อยในบ่อที่สวน เทียวไปเทียวมาให้อาหารอยู่เป็นเดือน ๆ ผมเองก็เอาใจช่วย ด้วยอยากให้มันออกลูกออกหลานขยายพันธุ์เยอะ ๆ จะได้จับเป็นอาหารเสีย แต่เท่าที่เป็นไปก็ดูเหมือนพวกมันจะไม่เหลือรอดมา ฝันที่จะกินปลาของพ่อก็เลยสลาย  ถ้าจะกิน  เรายังคงต้องซื้อปลาจากตลาดเข้าบ้านอยู่เหมือนเดิม

ปลานิลเป็นตัวเลือกแรกของเรา ถ้าหมดก็จะอนุโลมเป็นปลาทับทิม (มติเป็นเอกฉันท์เรื่องความอร่อย) แม่จะเลือกปลาตัวที่ดีที่สุดบนแผงมาให้เราอยู่แล้ว แกจะคัดวัตถุดิบชั้นเลิศเท่าที่พอจะสรรหาได้เสมอ เที่ยวล่าสุดแกไปได้ข้าวกล้องงอกมาจากเพชรบูรณ์ ก็หุงกินกับปลาย่าง เด็ดพริกขี้หนูกับมะนาวจากแปลงมาตำทำพริกน้ำปลา จากนั้นเก็บผักจากแปลงเท่าที่อยากมาล้างแล้วแช่เย็นรอไว้

แล้วอย่างไรต่อน่ะเหรอ ก็เหลือแค่รอข้าวสุก
อย่างที่รู้ ๆ กันว่าผักสด ๆ น่ะมันกรอบที่สุดอยู่แล้ว
เนื้อขาวนวลนุ่มออกควันฉุยของปลาย่างสุกใหม่ ๆ จากเตานี่ก็หอมและหวานเป็นที่สุด
ยิ่งหากว่าน้ำพริกในถ้วยนั้นตำใหม่ในวันเดียวกันแล้วด้วยนะ
คุณเอ๋ย...ต้องให้ผมบอกอีกไหมว่ามันที่สุดแล้ว

________________________________________________________
**ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร About Chan ฉบับที่ 12 ประจำเดือน มี.ค. 57

3/10/2014

เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง พิมพ์ ๓






งานออกแบบปกลำดับที่สองของปีนี้กับกำมะหยี่ ปลายปีนี้มีอีก /จบ

____________________
ภาพจาก READERY.CO

2/26/2014

รายนามผู้ร่วมสนับสนุนการพิมพ์

1. กรรณิการ์ ธรรมาภิรมย์ 
2. กสิณพจน์ วุฒิรัตน์
3. กิตติพงษ์ ซิว
4. กุลรัตน์ อินทร์พาเพียร
5 ชาคริต ศรีเพ็ชรดานนท์
6. ณฐภัทร เชียงชัย
7. ณิชา สุขเอี่ยม
8. ทรงพล เอี่ยมสำราญ
9. ธนพนธ์ อ่องศิริกุล
10. นงนุช เสถียรกิตติโรจน์
11. นพัตธร เลิศวิทยากุล
12. ประวิทย์ ตระกูลสิงขร
13. ปิยรัตน์ เสาะสนธิ์
14. พงศ์รวี-ปิยะฉัตร สุวรรณประเทศ
15. พญ.กุลนันทน์ นนทแก้ว
16. พรภิชิต สมัครธรรม
17. ภารดี แก้วหย่อง
18. มนต์ชัย มาตภาพ
19. วัจนา เอื้อเฟื้อ
20. ไวรัลยา บัวน่วม
21. สุขุม บุญเดชารักษ์
22. สุรดา บัวเพ็ง
23. หจก. บุญพะเนียด หลังสวน
24. Cher Manao
25. www.tourtooktee.com


***
จดทดใส่ บล็อกไว้ ด้วยไมตรี

1/28/2014

@อโศก

ในวันทำการจันทร์ถึงศุกร์ฉันจะลงรถไฟลอยฟ้าที่แยกอโศกแล้วออกเดินไปยังสำนักงานที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 21 เส้นนี้

ถ้าเดินในอัตราปกติอย่างสม่ำเสมอก็จะใช้เวลาราวสิบนาที โดยจะผ่านตลาดสด วินมอเตอร์ไซค์ ร้านแก็ส ป้ายรถเมล์ ทางออกรถไฟใต้ดิน สยามสมาคม และอีกหลายร้านรวงริมทางเท้า 

ตามเส้นทางที่ว่ามานั้น ช่วงหนึ่งจะต้องเดินผ่านฝูงนกพิราบที่เกาะกลุ่มกันอยู่หลายสิบตัวบนเส้นสายไฟเหนือหัว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะโดนขี้ของมันหล่นแหมะใส่หัวอย่างมาก ฉันละเสียวกับความเสี่ยงนี้ในทุกเช้าจริงๆ กลัวว่าจะลอดไม่รอด 
หลายคนเลือกที่จะมุดลงไปเดินในทางเชื่อมของรถไฟใต้ดินตั้งแต่ลงรถไฟฟ้าแล้วมาโผล่อีกทีที่สยามสมาคมเลย แต่ฉันไม่ชอบ ไม่ชอบที่จะต้องเปิดกระเป๋าตรงจุดตรวจทุกครั้งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยสาดไฟฉายส่องมาทั้งๆ ที่โฟกัสสายตายังอยู่กับคู่สนทนาอีกคนเพื่อขอไปที ฉะนั้นวิธีทางที่ฉันทำได้คือเดินเบี่ยงเลี่ยงหลบไปให้พ้นแนวกระสุนของบรรดาเจ้านกพิราบทั้งหลายเหล่านั้น แต่พอผ่านพ้นช่วงรัศมีขี้ปนาวุธนี้ไป ฉันก็จะได้เดินด้วยความรื่นรมย์อีกครา 

จนเมื่อมีการชุมนุม..

จนเมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้นที่แยกแห่งนี้..

จนเมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้นที่แยกแห่งนี้ ถนนหนทางถูกปิดกั้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่ชุมนุมเรียกร้องความชอบธรรม เวทีขนาดย่อมๆ ถูกจัดตั้ง จอเรืองแสงแอลอีดี เครื่องขยายเสียง รายรอบด้วยเหล่ารถเข็นและแผงขายของจำนวนมหาศาลบนฟุตบาท ทุกวันช่วงแดดร่มลมตกจะมีการขึ้นปราศรัยของบรรดาแกนนำมากหน้าหลายตาพร้อมๆ กับการมาถึงและเข้าร่วมของมวลมหาประชาชนในย่านนี้ รถราถ้าจะวิ่งเข้ามาแถวนี้จะต้องวนอ้อมไปเข้าในอีกทางหนึ่ง ช่วงนี้ฉันจึงสามารถเดินผ่ากลางถนนไปยังสำนักงานได้เลยถ้าต้องการ หลังจากลงรถไฟฟ้า

อากาศยามเช้าเย็นสบาย
ฉันหันซ้ายกะจะทักทายสหายเก่าเบื้องบน
และเป็นในช่วงนี้เอง ที่เหล่านกพิราบได้หายไป

1/22/2014

Kafka on the Shore






งานออกแบบปกชิ้นแรกกับกำมะหยี่ของเราเอง อีกสามกำลังตามมา /จบ

____________________
ภาพจาก READERY.CO

1/16/2014

เณปาลน่ะนะ













๑ มกรา ๕๗

ฟ้าเปิดรับปีใหม่แต่เช้า เผยให้เห็นอันนาปุรณะทั้งเทือกเต็มๆ ตาจนใจตื้นตัน
ไม่อยากจะคุย— แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า เวลาที่เราซึ่งหน้ากับหิมาลายาในเหมันตเวลามันเป็นระหว่างเราที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังด้วยอารามศิโรราบกับอ้อมกอดของขุนเขาอันศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน

แล้วถ้าคุณคิดว่าปีใหม่เหมือนกระบี่ มันอยู่ที่ใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันก็เหมือนๆ กันละก็.. ผิด! มันไม่เหมือน และต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ผมจะบอกให้
ว่าสาธุ เช้านี้ผมยืนอยู่กับวันวานบนแดนดินชมภูทวีป ต้นกำเนิดพุทธศาสนา พร้อมๆ กับที่ปรากฎยอดเขาหางปลามัจฉาปุฉะเรฉายสะท้อนอยู่นัยตาเชียวนะ

ฮะ...คุณว่าไงนะ
ไม่เอาน่า...บอกไปแล้วไงว่าผมไม่อยากจะคุย