12/29/2007

ส.ค.ส. 4U


















“ความผิดพลาดประการสำคัญของการพัฒนาแห่งยุคสมัยของเรา
คือการพยายามดึงผู้คนออกมาจากผืนดิน แทนที่จะยืนยันให้พวกเขารักผืนดิน
ซึ่งพวกเขาผูกพันมาชั่วเวลานาน
การทำให้พวกเขาลังเลและสับสนต่อคุณค่าซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม
คือหายนะอันแท้จริงที่จักเกิดขึ้นแก่ทุกกระบวนการ และทุกด้านของชีวิต”

กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

.........


รูปชุดนี้เป็นรูปที่แม่ฮ่องสอนครับ เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเยือนเมืองสามหมอก
สนุกสนานมาก ดูกันเพลินๆ แล้วกันนะครับ
ถือเสียว่าเป็น ส.ค.ส. จากผม^^
แล้วก็ถ้ามีเวลาก็ลองไปเที่ยวดูนะครับ

เผลอๆ นึกว่าเที่ยวอยู่นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่นหรือจีนกันเลยทีเดียว
นานาชาติมั๊กมาก^^

Happy New Year
สวัสดีปีใหม่ครับ, ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

1306

12/17/2007

เดินเฉียงๆ - เชียงดาว


การเดินเฉียงๆ มักไม่เกิดกับผมบ่อยครั้งนัก

ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ เพียงแต่แค่อับจนด้วยเวลาของสหายแต่ละคนที่ไม่ตรงกันสักที และมันก็นานเสียจนหลงลืมไปแล้วว่านานแค่ไหน ลองนึกทบทวนไล่เรียงดูก็ตั้งแต่เมื่อครั้งวัยละอ่อนสมัยยังต้องนั่งท่องตารางธาตุ “ลิเบบคนอฟนีออน”
(Li Be B C N O F Ne ) อยู่ปาวๆๆ ในวิชาเคมี ตามเทคนิคของเพื่อนผู้ท่องก่อนที่บอกว่าจะได้จำง่ายๆ ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ยังจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ตอนชั้นมัธยมปลาย ครั้งนั้นผมและเพื่อนอีกเจ็ดนาย ไปเดินเฉียงๆ กันที่ภูกระดึง จังหวัดเลย มันเป็นการเดินเฉียงๆ ครั้งแรก และก็เป็นครั้งล่าสุดของผม ซึ่งมันก็เจ็ดปีล่วงมาแล้ว นึกๆ ดูผมยังจำอาการหอบจับพวกเราที่ ‘ซำแฮก’ ได้อยู่เลย (ใช่, อยู่เลย) จวบจนมาถึงทริปเดินเฉียงๆ ที่ดอยหลวงเชียงดาว

ความสนุกสนานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน, เปียกปอนไปด้วยเหงื่อไคลเคล้าเสียงหัวเราะ, เสียงร้องเรียกถามไถ่กันและกันของมิตรสหาย, รสชาติอาหารและกาแฟต้มบนดอยที่ใครไม่เคยลองคงไม่มีทางทราบอย่างแน่นอนที่สุดว่ามันอร่อยชนิดที่อาหารทั้งหลายบนพื้นคอนกรีตด้านล่างเทียบกันไม่ได้เลย เรียกว่าทิ้งห่างความอร่อยกับแบบ ‘ไม่ติดฝุ่น’ เลยจริงๆ และสุดท้ายกับการยืนกอดอกสั่นเทาเทิ้มยามค่ำคืนไปกับอากาศอันหนาวเหน็บบนยอดดอยยามค่ำคืน

ความรู้สึกแบบนั้นมันหวนกลับมาอีกครั้ง

.........

ในระดับความสูง 2,275 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางของดอยหลวงเชียงดาว ภูเขาหินปูนสูงทะมึนตั้งตระหง่านเป็นสง่าอย่างสงบอยู่บนเส้นทางเชียงใหม่ - ฝาง ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวนี้สูงเป็นอันดับสามของประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก เราต้องใช้เวลาทั้งสิ้นสามวัน สองคืนบนนั้น โดยเริ่มเดินขึ้นจากเส้นทางปางวัว – อ่างสลุง ระยะทางราว 6.5 กม. ซึ่งต้องแวะพักตรงจุดกางเต้นท์ดงไผ่หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นค่อยเดินต่อไปยังจุดกางเต้นท์อ่างสลุง นอนบนนั้นอีกหนึ่งคืน ซึ่งเป็นจุดกางเต้นท์สูงสุดของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งในจุดนี้คุณจะรู้และเข้าใจว่าทำไมคนท้องถิ่น และคนเก่าแก่ที่นี่เรียกดอยหลวงเชียงดาวในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เพียงดาว’
และเดินทางกลับทางเส้นทางอ่างสลุง – เด่นหญ้าขัดอีกราว 7 กม. ในยามสายๆ ของวันสุดท้าย

ผมและสหายแซวกันเล่นๆ ว่าสมาชิกการเดินเฉียงๆ ครั้งนี้คล้ายกับหมู่ลูกเสือเดินทางไกลอยู่เหมือนกัน จากที่เห็นและเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสมาชิก จากแรกเริ่มเดิมทีที่สมาชิกร่วมทริปครั้งนี้เกือบไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำไป แต่สุดท้ายเราสรุปจำนวนก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวันว่าสิบสองคนถ้วน! และการเดินแถวภายใต้การนำทีมโดย ‘พี่แอ’ คนนำทางของเรา โดยมี ‘นู๋น้ำ’ รับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าหมู่ และก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ผมและสมาชิกจึงแค่เพียงปฏิบัติหน้าที่เป็นลูกหมู่ที่ดี โดยการเดินเฉียงๆ อย่างเชื่องๆ จนถึงเชื่องช้าในบางจังหวะ

พืชพรรณจำพวก ‘อัลไพน์’ มีให้เห็นอยู่ตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นชมพูพิมพ์ใจ, เทียนนกแก้ว, ค้อเชียงดาว หรือปาล์มรักเมฆ, ขาวปั้น, ฟองหินเหลือง, หญ้าดอกลายสีม่วง ฯลฯ วิวทิวทัศน์ตามเนินและสันเขาช่างสวยงามน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ในบางขณะผมก็รู้สึกสัมพันธ์สัมผัสถึงการเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่งรอบๆ
หากคุณลองได้ยืนอยู่ท่ามกลางขุนเขาอันยิ่งใหญ่แล้วคุณจะกระจ่างเอง ว่าสำหรับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่แล้ว เรามันก็แค่นั้น ยังมีหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เป็นไป โดยที่หากไม่พบเจอเองด้วยตาเปล่า อธิบายอย่างไร คงไม่มีทางเข้าใจ

“ปลาไม่เคยเห็นป่าฉันใด เก้งกวางก็มิอาจล่วงรู้ถึงโลกใต้ทะเลอันลึกล้ำฉันนั้น”
ปราชญ์บางท่านกล่าวไว้แบบนั้น
คงไม่มีวิธีอื่นใดดีไปกว่าการมาเห็น, รู้สึก และสัมผัสเอง

.........

ในห้วงยามที่ตะวันชิงพลบไปแล้ว ท่ามกลางสภาพอากาศอันเหน็บหนาวบนยอดดอยหลวง คาดว่าราวสี่ – ห้าองศาโดยประมาณ ซึ่งปกติอากาศหนาวขนาดนี้มันหนาวเกินไปสำหรับคนธรรมดา เพียงแต่สองคืนบนนั้น ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอยู่ลึกๆ

คงอาจเพราะได้ผ้าห่มชั้นดีที่ถักทอด้วยดวงดาวที่ระยิบระยับนับล้านๆ ดวงบนฟากฟ้าโอบคลุม กอปรด้วยมิตรภาพที่มีอยู่รายรอบ ในทุกๆ ครั้งที่ตื่นลืมตา มองหน้าและพูดคุยแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้กันและกัน เคมีภายในของใครบางคนก็ทำปฎิกิริยากับมหัศจรรย์ธรรมชาติข้างบนนั้น และหลั่งความรู้สึกอิ่มเอมเป็นสุขใหลล้นออกมาอย่างเหลือคณา พลอยให้เหล่าสมาชิกในหมู่รู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขไปด้วย

หากยามค่ำคืนบนดอย มีเพียงแค่หมู่ดาว แต่ไร้ซึ่งหมู่เรา
ความเหน็บหนาวนั้นก็ดูจะโหดร้ายเหลือเกิน

หากแต่ยามค่ำคืนบนดอยเพียงดาว นั้นมีหมู่ดาว และหมู่เรา
ความเหน็บหนาวนั้นก็ไม่อาจทำร้ายกันจนเกินไป

และแม้ช่วงชีวิตปัจจุบันจะไม่มีเรื่องราวต่างๆ นานาให้ต้องท่องจำอีกแล้ว

สำหรับในทุกๆ เรื่องราวของการเดินเฉียงๆ ที่เชียงดาว

มันไม่จำเป็นต้องท่องให้เสียเวลา

12/09/2007

Zoo Zee







ドュシット動物園

バンコクのオススメスポットは? と聞かれて思いつく場所のひとつがドュシット動物園。その昔、ドュシット国の庭園だったものが、ラーマ5世の支配によって私立植物園に変えられ、当時は「カオディンワナー」と呼ばれるようになりました。その後、ラーマ8世が植物園をバンコク政府に寄贈し、政府が動物園と公園をあらたに設置、タイ初の動物園が誕生したのです。

園内には、自然に限りなく近い環境で哺乳類、鳥類、爬虫類が生息しており、希少価値のあるものや、絶滅の危機に瀕しているものも。ここでは教育や繁殖、動物の保護にも力を注いでいます。大人気なのが夜行性の動物やホワイトタイガー、フラミンゴなど。9月にアメリカから来たばかりの2匹のオオアリクイも見逃せません。

バンコクっ子にとって、ここは憩いの場。ファミリーで楽しめるアクティビティがたくさんあるんですよ。たとえば、大きな池が目の前に広がるレストラン、ちびっ子が大好きな遊園地、動物園の周りを走る小さな列車など、動物をみる以外にもお楽しみはたくさん。池をボートで遊覧するのもファミリーにもカップルにも人気の過ごし方です。また、動物園横にある、タイの宮殿で最も優美といわれているアナンタサマーコム宮殿が夕日に浮かび上がる姿は圧巻。ここを訪れたら必見です。

ミニサーカスなどのイベントが開催される週末にいくのが、込み合うけれどもやっぱりおすすめ。入場料は大人100バーツ、子供50バーツ(外国人価格)。営業時間は8時~18時(無休)。色々な楽しみ方ができて、ゆったりのんびり過ごせるドュシット動物園。わざわざ足を運ぶ価値アリ、です!

บทบรรยายภาษาญี่ปุ่นโดย คุณน้องเบิร์ดผู้น่ารัก
ขอได้รับความขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย^^