2/25/2008

INtraINtraINtraINtraIN








ที่เห็นและเป็นไปบนรถไฟยังคงมีเรื่องราวให้ฉันได้เพลิดเพลินและดื่มด่ำดังเดิม

ความรู้ตื่นเต้นยังคงเร่าอยู่ภายในเมื่อรู้ว่าจะได้ออกเที่ยวอีกครั้ง แม้มีเวลาเพียงสั้นๆ แค่หนึ่งวัน แต่ฉันคิดว่ากว่า 12 ชั่วโมง กับสนนราคา 100 เหรียญ (บาทไทย) แบบไป-กลับ บนรถไฟสายท่องเที่ยวของการรถไฟที่มีสถานีปลายทางอยู่ที่สถานีน้ำตกนั้นคงสามารถสร้างเรื่องราวให้กับเราได้ ไม่มากก็น้อย

ด้วยพลังและอำนาจที่เหนือกว่า ฉันจึงสามารถลากฉุดเนิบเรียวและดอนเจนน์ สองเพื่อนหนุ่มขึ้นรถไฟไปด้วยอย่างไม่ลำบากนัก สมทบด้วยแสตนด์ เดอะแฟนอีกหนึ่งที่เซย์เยสตอบรับไปก่อนหน้านั้นแล้ว รวมทั้งสิ้นก็ 4 ชีวิตไม่ขาดไม่เกิน

“เอาสี่ช็อตไปด้วยนะ” ฉันบอกแสตนด์ฯ ให้ติดกล้องโลโมสี่ช็อตตัวใหม่ของเธอไปด้วย ใจคิดว่าเที่ยวนี้จะขอยืมถ่ายเล่นเสียหน่อย ไม่รู้เพราะอะไรครั้งนี้ฉันอยากถ่ายกล้องฟิล์ม ดูมัน ‘จริง’ ดี เหมาะกับการนั่งรถไฟฉึกกะฉักๆ ไปเที่ยวยังไงไม่รู้

ถึงก็ช่า..า.. า.. ง ไม่ถึงก็ช่า..า.. า.. ง บางท่อนของบทเพลงเพื่อชีวิตเริ่มขับกล่อมฉัน และเพื่อนๆ ตลอดเส้นทางบนรางเหล็กคู่ขนาน

ราวเจ็ดโมงครึ่งรถไฟแวะจอดให้เรานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ที่นครปฐมเป็นแห่งแรก ใครใคร่เดินๆ ใครใคร่ไหว้ๆ ใครใคร่ถ่ายๆ (หมายรวมถึงทั้งถ่ายรูปและขับถ่ายด้วย) ใครใคร่จับจ่ายซื้อของช้อปปิ้งก็ตามอัธยาศัย แต่มีเวลาให้ 40 นาที ต้องบริหารเวลากันเอาเอง ถ้าใครบริหารเวลาไม่ดีก็ต้องวิ่งตามรถไฟให้ทันกันเอาเองนะจ๊ะ

ถึงก็ช่า..า.. า.. ง ไม่ถึงก็ช่า..า.. า.. ง บทเพลงเพื่อชีวิตเพลงนั้นยังขับกล่อมฉัน และเพื่อนๆ

จากนั้นรถไฟคันเก่าคันเดิมของเราก็แวะจอดอีกครั้งประมาณสิบโมง ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควอีก 30 นาที และวิ่งโชว์นักท่องเที่ยวข้ามสะพานแควใหญ่ และวิ่งต่อไปยังเส้นทางรถไฟสายมรณะอีกแห่งอวดโฉมกับสายตานักท่องเที่ยวน้อยให้ที่รอลั่นชัตเตอร์อยู่ริมทาง ฉันเรียกให้เพื่อนๆ ชะโงกหัวออกไปดูนอกหน้าต่าง ด้วยใจตื่นเต้นกับเส้นทางสายนี้เพราะมาเป็นครั้งแรก เห็นเพื่อนๆ ตื่นเต้นกันยกใหญ่ ฉันก็พลอยดีใจไปด้วย

ถึงก็ช่า..า.. า.. ง ไม่ถึงก็ช่า..า.. า.. ง
บทเพลงเดิมยังคงขับกล่อมฉันอยู่อย่างเบาๆ

เกือบเที่ยงรถไฟของเราก็มาถึงสถานีน้ำตก ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง และจะจอดที่นี่สองชั่วโมง เชิญคณะทัวร์ตามอัธยาศัย ฉันและเพื่อนๆ เดินขึ้นไปชมน้ำตกไทรโยกน้อยซึ่งเป็นพระเอกของทริปนี้ แต่กลับพบว่า พระเอกของเราค่อนข้างหมองคล้ำไปเยอะทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ตั้งแต่แรกฉันและเพื่อนๆ ก็ไม่ได้คิดว่าพระเอกของเรื่องราวในวันหยุดวันนี้คือที่น้ำตกอยู่แล้ว พระเอกของฉันและเพื่อนๆ ตอนนี้กำลังจอดพักอยู่ทางด้านโน้น ซึ่งเราก็นัดเจอกันอีกทีตอนบ่ายสองโมงเรียบร้อยแล้วที่สถานี เพื่อที่จะสานเรื่องราวของวันนี้ต่อให้จบ

.........

ฉันและเพื่อนๆ รวมทั้งคณะทัวร์หรรษาร่วมทางกลับถึงหัวลำโพง (แบบไม่ลำพัง แต่ร่างกายบางคนก็ใกล้พังเต็มที^^) เกือบสองทุ่มด้วยอาการเมื่อยล้ากันพอตัว เพียงแต่สำหรับฉันแล้วมันเป็นความเหน็ดเหนื่อยที่อิ่มเอมเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบไคลแห่งรอยยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ‘พี่พรหมจรรย์’, ‘คุณลุงงานเข้า’, ‘ก๋วยเตี๋ยวปากท่อ’ หรือ ‘มวลวิกฤต’

ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เสน่ห์ของการนั่งรถไฟนั้นไม่เคยอยู่ที่จุดหมายปลายทางแต่อย่างใด

หากแต่มันเริ่มและจบลงบนนั้น... บนรถไฟ

ถึงก็ช่า..า.. า.. ง ไม่ถึงก็ช่า..า.. า.. ง

.........

ปล. เอื้อเฟื้อภาพที่ 1, 2, 3 และ 6 โดยสแตนด์ เดอะแฟน ขอบใจหลายๆ ที่ให้หยิบยืมรูปมาใช้ ; D

2/19/2008

Ka-nom





"กอด" ช่วยยกระดับความสัมพันธ์

"กอด" คือการได้ให้และได้รับพร้อมๆ กัน

"กอด" ทำให้สมรรถภาพทางใจดีขึ้น

"กอด" ลดอาการปวดหัว (ใจ)

"กอด" คือการแลกเปลี่ยน ‘ความลับทางอารมณ์’ ระหว่างกัน

"กอด" คือการแสดงความเป็นเจ้าของที่น่ารัก

"กอด" คือคำว่า ‘ฉันอยู่นี่’

"กอด" ช่วยสลายทิฐิบางอย่างในใจ

"กอด" ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก

และ "กอด" คือสิ่งที่ทำให้หัวใจสองดวงนั้นอยู่ใกล้กันมากที่สุด

เล็กๆ น้อยๆ จากหนังสือ "55 เหตุผลที่คุณควรกอดก่อนตาย" (55 reasons to hug before dying) โดย ไพลิน ถาวรวิจิตร

ไปอ่านทั้งหมดได้ที่ http://simplyordinary.net/pynlyn/

หรืออยากรับแบบเต็มๆ ทั้งภาพและเสียงกว่านี้ ก็หาเวลาไปดูหนังไทยเรื่อง "กอด" (Handle Me With Care) เขียนบทและกำกับโดยคงเดช จาตุรันต์รัศมี น่าสนับสนุนครับ ผู้กำกับคนนี้

แล้วคุณอาจจะรู้ค่าของ คน/สิ่งพิเศษ (Special) ของคุณ

ฉะนั้น...โปรดประคับประคองอย่างทะนุถนอมด้วยล่ะ

Handle With Care

2/12/2008

ระยะปลอดภัย


“...จงอยู่ในระยะปลอดภัย แต่ถ้ามันเข้ามาใกล้ ให้แสร้งตาย...”

คำบรรยายจากรายการสารคดีเกี่ยวกับหมีจากทีวีสาธารณะช่องใหม่ของเมืองไทยแว่วเข้าหูวันก่อนขณะกำลังจัดระเบียบห้องใหม่ จนต้องละจากกิจกรรมจัดห้องหันมาจ้องหน้าจอ

เนื้อหารายการนั้นหลักๆ เป็นเทคนิคการเดินป่าอย่างปลอดภัย ห่างจากพี่หมี
ดูแล้วก็เพลินดี ได้ความรู้อีกด้วยว่า โดยปกติแล้วพี่หมีเค้ารักสงบเหมือนพี่ๆ วงเสือใหญ่นั่นแหละ แต่จะมีอยู่ 2 กรณีที่หมีจะจู่โจมเข้ามาทำร้ายคนคือ หนึ่ง-ทำให้พี่เค้าตกใจ (Surprise) และสอง-จู่โจมเพื่อปกป้องลูกน้อย (Protection) ซึ่งแม่หมีนั้นขึ้นชื่อว่ารักลูกสุดๆ ไม่ต่างจากมนุษย์อย่างเราๆ เลย ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นแทบทุกคนคงรู้อยู่เต็มอก ว่ามันมากมายมหาศาล

เสียดายที่จำชื่อรายการไม่ได้ (และก็ไม่น่าจะมีเวลาตายตัวในการออนแอร์) แต่ดูแล้วสนุกดีไม่น่าเบื่อ เช้าวันนั้นเลยเป็นอีกหนึ่งวันที่ผมถูกสะกดให้จดจ่ออยู่หน้าจอแก้วอย่างอยู่หมัด

ลองมาคิดๆ ดูระยะปลอดภัยของหลายคนอาจไม่เท่ากัน

บางคนอาจหงุดหงิดกับเสียงไอพอดบนยอดดอย รู้สึกเหมือนถูกคุมคามทางความเงียบที่น้อยวันจะยิ่งหาได้ยากยิ่งนัก จะหาได้แต่ละทีต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนไปหาเอาต่างจังหวัด - ไม่ปลอดภัย

บางคนอาจรู้สึกรำคาญใจหากมีชายฉกรรจ์มานั่งเบียดบนเบาะรถโดยสาร รู้สึกเหมือนถูกคุมคามพื้นที่ด้านข้างที่เว้นไว้ให้แต่เฉพาะนวลฉวีสตรีสีผิวอมชมพูดูมีเลือดฝาดเท่านั้น – ไม่ปลอดภัย (ทางเพศ)

บางคนอาจเสียเส้น หมดมูสจนหน้าบูดหน้าเบี้ยวหากมีใครก้าวย่างมาเหยียบส้นรองเท้า - ไม่ปลอดภัย (ขณะกำลังก้าวไปข้างหน้า)

บางคนอาจพะอืดพะอม อารมณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากมีใครมากระซิบข้างๆ หู - ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว

หรือบางคนก็อาจเรียกร้องระยะปลอดภัยของตัวเองจน "ไม่เอาโลก" เลยก็มี
และเหมือนโดนทำร้าย หากยิ่งรู้ว่ามีใครกำลังจับตามอง!

………

แล้วกับความรักล่ะ ควรมีระยะปลอดภัยแค่ไหนกัน?

"อยู่ห่างๆ กันไว้แหละดี จะได้ไม่มีปัญหา"
ใครบางคนก็กล่าวไว้แบบนั้น ซึ่งบางคู่ก็ยึดเป็นแนวทาง รักษาระยะรักกันและกัน และก็ดูเหมือนจะน่าเห็นพ้องด้วยไม่ใช่น้อย

"ไม่ค่อยมีเวลา ช่วงนี้เลยห่างๆ กันค่ะ/ครับ"
ดารานักแสดงบางท่านก็ให้เหตุผล (หรือข้ออ้าง) แบบนั้น และแม้ไม่ได้เด่นดังก็ยังสามารถ "ไม่มีเวลา" ให้กับคนรักได้อยู่บ่อยๆ

ไม่มีเวลาแค่ไหนกันหรือ-ผมไม่เข้าใจ
หรือจะเป็นข้ออ้างจริงๆ เพื่อให้อยู่ห่างๆ กันไว้ จะได้ไม่มีปัญหา
ถ้ายังไม่พร้อมจะดำเนินชีวิตคู่ กรุณาแสดงสถานะให้ชัดเจน

แต่กับบางคู่หากขาดกันแม้เพียงครึ่งวันก็ร้อนรนทนไม่ไหว
กับบางคู่-หลายสิบ หลายร้อยวันคืนจึงจะมีโอกาสได้พบเจอและโอบกอดกันและกัน การอดทนเพื่อรอวันชื่นคืนสุขที่จะได้เจอกันนั้นก็ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะทรมานและยาวนานเสียเหลือเกิน

ยังไงดี, ความรัก

เท่าที่พอจะเข้าใจ (เพียงเสี้ยว) หากหมั่นคอยดูแล และจัดการกับระยะของกันและกันไว้ให้ดีแล้ว ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องให้ห่วงเท่าไหร่กระมัง

และเท่าที่รู้ เพราะความรักไม่ใช่หมี หากไม่อยู่ในระยะปลอดภัยเสียแล้ว
ใครคนใดคนหนึ่งมาเสแสร้งแกล้งตายไม่ได้ด้วยสิ

สำคัญที่สุด...

เมื่อไม่พร้อม กรุณาป้องกัน!

2/08/2008

Délices








ขออภัย!- ช่วงนี้กำลังวอร์ม

ช่วงเวลา 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งๆ วุ่นๆ งุ่นๆ ง่านๆ ฟุ้งซ่านนิดหน่อย
ไม่ค่อยได้ปล่อยสมองเท่าที่ควร เลยไม่ได้ขีดเขียนอะไรให้คนใคร่อ่านๆ เลย

(ไม่ต้องสืบ) เนื่องมาจากโปรเจกซ์ล่าสุดที่กำลังง่วนอยู่เป็นนิตยสารแจกฟรีเล่มใหม่ (อีกแล้ว!) ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างยิ่งยวดในการ ‘ปลุก’ และ ‘ปั้น’ บุกบั่นกับทีม WOM (ชื่อนิตยสาร ซึ่งย่อมาจาก Word-of-Mouth ที่แปลเป็นไทยได้ว่า "ปากต่อปาก") ทั้ง 6 ชีวิตที่น่ารักน่าชัง ที่จริงน่าจะออกเสียงว่า
"วอม" เฉยๆ แต่เนื่องมาจากยังอยู่ในช่วงแห่งการปั้นเล่มแรก เลยใส่ ‘-ร์-’ เข้าไปแก้เคล็ด (ขัดยอก) นิดหน่อย ให้เปรียบดั่งนักกีฬากำลัง ‘วอร์ม’ ร่างกาย ยืดเส้นยืดสายก่อนลงแข่ง

ในด้านอื่นๆ บางอย่างอาจขาดตกบกพร่องไปบ้าง ก็อย่าถือสาหาความกันเลยนะ

ก็บอกแล้วว่าไม่ว่าง, กำลังวอร์ม^^

*รูปประกอบถ่ายจากร้านเดลีส (Délices) ร้านอาหารเวียดนามรสชาดไม่ธรรมดา ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี ถ้าอยากลิ้มชิมรสก็เชิญครับ อร่อยใช้ได้ ไม่เสียชื่อร้านจริงๆ

2/01/2008

Chocolate



The word "chocolate" comes from the Aztecs of Mexico, and is derived from the Nahuatl word xocolatl, which is a combination of the words, xocolli, meaning "bitter", and atl, which is "water". The Aztecs associated chocolate with Xochiquetzal, the goddess of fertility. Chocolate is also associated with the Mayan god of fertility. Mexican philologist Ignacio Davila Garibi, proposed that "Spaniards had coined the word by taking the Maya word chocol and then replacing the Maya term for water, haa, with the Aztec one, atl."

However, it is more likely that the Aztecs themselves coined the term, having long adopted into Nahuatl the Mayan word for the "cacao" bean; the Spanish had little contact with the Mayans before Cortés's early reports to the Spanish King of the beverage known as xocolatl. William Bright (personal communication cited in a 1977 article by Lyle Campbell) noted that the word xocoatl does not occur in early Spanish or Nahuatl colonial sources.

Xocoatl was believed to fight fatigue, a belief that is probably attributable to the theobromine content. Other chocolate drinks combined it with such edibles as maize starch paste (which acts as an emulsifier and thickener), various fruits, and honey.[citation needed] In 1689 noted physician and collector Hans Sloane, developed a milk chocolate drink in Jamaica which was initially used by apothecaries, but later sold by the Cadbury brothers.

Chocolate was also an important luxury good throughout pre-Columbian Mesoamerica, and cacao beans were often used as currency. For example, the Aztecs used a system in which one turkey cost one hundred cacao beans and one fresh avocado was worth three beans.

More details visit http://www.wikipedia.org

*รูปประกอบน่ารักๆ ถ่ายจากร้าน Cherubin ต้นๆ ซอยสุขุมวิท 31