12/30/2011

จดหมายจากมังกร

ถึงคุณพี่ 1306ix

ตื่นเช้าขึ้นมาวันนี้ จู่ๆ หนูก็มีอะไรอยากจะบอก
จำฉบับแรกที่เคยเขียนบอกพี่ได้ไหมคะ
ว่าหนูเจอพี่แล้ว คิดถึงแฟนคนแรก
เมื่อวันก่อนตอนเราได้คุยกันอีกครั้ง ความรู้สึกนี่ก็ยังเป็นอยู่

แฟนคนแรกของหนูเป็นคนสุรินทร์ถิ่นปราสาทหินค่ะ เขาเป็นคนง่ายๆ ยิ้มหวาน หวานแบบหวานผ่าซากน่ะคะ แล้วพอบทจะหวานก็หวานซ้าาา
อ้อ! อีกอย่างเขาก็เป็นคนตลกหน้าตายด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ
เขาเป็นคนมองเห็นคุณค่าในตัวผู้หญิงคนนี้ จากสิ่งที่เป็น
ไม่ใช่จากรูปกาย หน้าตา หรือว่าฐานะ
เขารักหนูที่เป็นหนู เป็นหนูที่ไม่ได้ตกแต่งประดับประดา
แต่เป็นหนูที่ร่าเริงและสร้างรอยยิ้มให้เขา

ไม่รู้ว่าบอกพี่ตอนนี้จะดูสายเกินไปหรือเปล่านะคะ
แต่หนูอยากรู้จักกับพี่ตั้งแต่ตอนที่เราได้คุยกันในการเดินทางคราวนั้น
แต่ติดปัญหาตรงที่พี่มีคนรักแล้ว...
และหนูว่าการเดินตามใครมันเหนื่อย
แค่ได้มองเห็นคนๆ หนึ่งจากมุมที่เรายืนอยู่ แค่นี้ก็โอเคนะคะ นะคะ เจอะกันสักแป็บนึง... (เอ่อ.. มุกหนูพอใช้ได้ไหมคะ)

นอกจากจะชอบมองดูรูปถ่ายของพี่ อ่านสิ่งที่พี่เขียนแล้วชอบ จนต้องไปหาซื้อหนังสือของพี่ที่เข้าข่ายของป่าหายากไปแล้วมาจนได้ หนูยังชอบกิจกรรมง่ายๆ ที่จันทบุรีของพี่ด้วย พี่เป็นแฟมิลี่แมน รักครอบครัว จริงๆ นะ หนูรู้สึกได้
ถึงแม้หนูอาจจะรู้สึกช้าไปหน่อย เพราะหนูเป็นคนไม่ค่อยมองคนที่ลักษณะภายนอก การสัมผัสเข้าถึงและเพิ่งรู้สึกก็เลยจะนาน ทำให้หนูมาช้าไปเสมอ
แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ

สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ดีใจมากที่เจอแล้ว กับคนแบบนี้
อยากให้รับหนูไว้เป็นเพื่อนรุ่นน้องสักคน
หนูไม่งอแง (แค่เผลอไผลกินเก่งไปบ้างบางมื้อ) ร่าเริงและชอบดูหนังค่ะ
ปีหน้าฟ้าใหม่เราคงได้เจอกันนะคะ

โอเคนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

^__^

มังกร


.........
.........
.........


ขอบคุณสำหรับจดหมายนะครับ
และขอบคุณจริงๆ กับความรู้สึกที่เขียนมาถึงกัน
ขอให้น้องมีความสุขความเจริญ
สุขภาพแข็งแรง ทั้งกายใจ
สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ น้องมังกร

1306ix

12/19/2011

นักมายากล

เมื่อถึงเวลาที่นัดหมาย ยอดชายนายฌองก็ระเบิดกลชุดที่ชื่อว่า 'ซ่อนจันทรา' ตามคำมั่นสัญญาที่ให้กับเราไว้เป็นเวลากว่ายี่สิบห้านาที
ทุกสายตาค่ำคืนนั้นต่างล้วนตกตะลึงงันกับความมหัศจรรย์ที่ประจักษ์
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในเมื่อเราทั้งเก้าเห็นพ้องต้องกัน คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้
นักมายากลจากฝรั่งเศสของเราได้ร่ายมนต์อัญเชิญเทพราหูออกมาปรากฎกาย แล้วค่อยๆ เคลื่อนย้ายร่างไปทำการอมดวงจันทร์วันเพ็ญจนมิดมืดหายวับเข้าไปในความลี้ลับภายใต้ราตรีสีดำ
ตั้งแต่เกิดมาผมเพิ่งจะเคยพบเคยเห็นอภิมหาสุดยอดมายากลระดับจักรวาล (ก็พี่เล่นกันนอกโลก) ซึ่งๆ หน้าแบบนี้ก็ครั้งนี้เอง

ชัดเลยว่าฌองไม่ธรรมดา

.........

ผมรู้จักกับสามฝรั่งเศสผ่านการแนะนำของมาดามจิ๊กที่เชียงใหม่
อันประกอบด้วย ฌอง, มีมี่ และโอลิเวียร่า
จากคำบอกเล่า ทั้งสามต่างมีความสามารถพิเศษกันคนละแบบ
โอลิเวียร่านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิยา สายตาอันคมคายของโอลิเวียร่านั้นสามารถเพ่งพินิจหินดินทรายต่างๆ แล้วแปลงค่าจากสิ่งที่เห็นเป็นข้อมูลจำเพาะในรูปแบบเอกสารเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยต่อไปได้ ส่วนมีมี่นั้นมีความสามารถทางด้านภาษา คือเธอสามารถพูดคุยกับบรรดาต้นยูคาลิปตัสได้อย่างได้เรื่องได้ราว (เป็นความสามารถที่น่าสนใจมาก!)
และอย่างที่บอก– ฌองเป็นนักมายากล

"ว้าวววววว!"
เราต่างอุทานประสานเสียงให้กับความสามารถของแต่ละคน
ไม่พลาดอยู่แล้ว– เรารบเร้าให้ฌองแสดงมายากลอะไรก้ได้ให้ดูเป็นขวัญตา ด้วยว่าร้างราจากการรับชมศาสตร์การแสดงดังกล่าวมานานนม
“โปรดอดใจรอจนในเวลาที่ท้องฟ้าเป็นสีดำก่อนเถิด”
ฌองรับปากว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะแสดงสุดยอดแห่งกลให้เราได้ยลกันแน่นอน
ขอแค่รอเวลาให้เหมาะสมตามที่บอก
เรายิ้มรับคำ และรอคอย

.........

“กรุณาส่งเสียงดังเพื่อคลายกลเถิดพี่น้อง”
ฌองส่งเสียงบอกคณะเราให้ตื่นจากความเงียบงัน
พอกลับมารู้สึกตัวอีกที พี่แฮมก็ควักลูกซองประจำกายขึ้นมายิงขึ้นฟ้าเสียงกึกก้องดังกังวาน พี่แจ๋วคว้าตะเกียบปิ้งหมูใกล้มือขึ้นมาระรัวเคาะโต๊ะให้จังหวะโจ๊ะแบบไทยๆ ส่วนพี่มาร์กก็จัดแจงหยิบคอมพิวเตอร์แบบพกพาขึ้นมาต่อกับเครื่องเสียงเพื่อเปิดโปรแกรมฯ ด้วยความคล่องแคล่ว

“ได้โปรดส่งเสียงเพื่อคลายกลของข้าพเจ้าเถิดสหาย แล้วทุกๆ อย่างจะกลับสู่สภาวะปกติ” ฌองย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อย
ดูท่าทางว่าเสียงที่เกิดขึ้นน่าจะยังดังไม่พอ
พี่มาร์กส่งสัญญาณมาทางผมว่าติดตั้งระบบปฏิบัติการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
บังเอิญว่าไมโครโฟนนั้นมันมาอยู่ในมือผมตอนไหนก็ไม่รู้
แล้วผมจะทำอย่างไรได้เล่า นอกจาก..

“งั้นขอคันหูของน้องจ๊ะละกันครับ” ผมตะโกนบอกเพลง
จากนั้นอินโทรก็โหมขึ้นมา
แล้วผมก็กรีดร้องสุดเสียง!!

12/14/2011

วันก่อนครับ


ลิลลี่ : วันก่อนครับ
หลิว : วันไหนวะ?
ลิลลี่ : ไม่ใช่ๆ! หลิวต้องพูดว่าทำไมครับสิ วู้วว์ 'รมณ์เสีย
หลิว : อ๋อ... ยังไงครับ?
ลิลลี่ : เออๆ เอาใหม่, วันก่อนครับ
หลิว : วันไหนวะ?
ลิลลี่ : ....... (งอน)
หลิว : ฮ่าๆ ล้อเล่น เอ้า! วันก่อนนั้นมันยังไงครับ?
ลิลลี่ : ไม่เล่นแล้ว พอๆ เราจะเล่าในแบบเราเอง

++++++

วันก่อนเราไปถ่ายงานที่ร้านอาหารฝรั่งเศสร้านหนึ่งมา
ร้านชื่อเลอ ว็องโดม (Le Vendôme) อยู่ในซอยสุขุมวิท 31
(ว่ากันว่าร้านนี้รสชาติอาหารจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ในกรุงเทพฯ เลยนะ)
ครั้งนี้เชฟมายืนชื่นชมผลงานตัวเองข้างๆเราด้วย เพราะเป็นชุดเมนูใหม่ของร้าน
เราก็ถ่ายไปเรื่อยๆ 3 จาน 4 จาน คุยกันไปเรื่อย โน่นนี่นั่น
พอจานนี้มา (ดูรูปประกอบ) ไอ้เราก็ถ่ายไปพลางชมไปพลางว่าเหมือนพระบาทฯแถวบ้านเราเลย เล่นเอาเชฟงี้หัวเราะเสียงดังใหญ่เลย ตลกดี

ใช่มั๊ย? โคตรเหมือนพระพุทธบาทพลวงที่จันท์เลย

.........

ป.ล. 1 เพิ่งสังเกต ช่วงนี้วนเวียนอยู่กับฝรั่งเศสแฮะ
ป.ล. 2 หมูย่างสูตรบ้านพี่แฮมที่เจียงใหม่แม่มโคตร'หร่อย
ป.ล. 3 ตั้งกะเกิดมาเพิ่งเคยเจอจันทรุปราคาแบบคาตาก็เมื่อวันก่อนนี่แหละ
ป.ล. 4 'แอ่บแปบ' เปนก่ำเมือง แป๋ว่า 'แบนแต๊ดแต๋' พูดแล้วได้อารมณ์แต้ๆ
ป.ล. 5 เชื่อกันว่า ผู้ชายเราแต่ละคนนั้นจะมีต่อมที่ชื่อ 'หยินต๊ก' อยู่ภายในร่าง หากเมื่อไหร่เมื่อใดต่อมที่ว่านั้นแตกสลาย คนผู้นั้นจะสามารถแปรเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงได้ โปรดจงระวัง.. หรือหาให้เจอ..
แล้วสกัดซะ!

12/08/2011

Heya Maccarone!


ไอ้เจ้าก้อนนี่ชื่อ "มาคารง" (Macaron)
รูปร่างหน้าตาน่ารักน่าชังทันสมัย กรอบนอกนุ่มใน เก๋ไก๋ดูดีมีชาติตระกูล
แต่พอเอาเข้า (ปาก) จริงๆ แล้วก็ต้องขอบอกว่างั้นๆ
ผู้รู้บางท่านให้ทัศนะว่าที่มีอยู่ส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้นจริงๆ รสชาติผิดเพี้ยนไปเยอออะ อันเหตุมาจากสูตรการทำ คือถ้าเราลงน้ำตาลไอซิ่ง 100 กรัม ก็ต้องใช้แอลมอลด์ปั่น 100 กรัมด้วย แต่ทีนี้บ้านเราแอลมอนด์มันแพงสิ ก็เลยหยวนๆ ลดอัตราส่วนลงไปเรื่อยๆ น่ะเนาะ ก็เข้าใจแหละ

อ้อ ที่ว่างั้นๆ ไม่ใช่ไม่อร่อยนะ เดี๋ยวสาวๆ จะโห่ใส่เค้า >_<
แค่ไม่ถูกปากและจริตลิ้นผมเอง ก็ต้องขออภัยด้วยเน่อ
พอทีกับความน่ารักน่าชังทันสมัย เก๋ไก๋ดูดีมีชาติตระกูล
คือถ้าเป็นไปได้
รบกวนขอเป็นบ้าบิ่นหรือว่าขนมครกมาเหอะ

.........

***ถ้าใครสนใจลองตามเข้าไปอ่านในนี้ดูนะ ; )

11/18/2011

1331

.... คือ....
คืออย่างนี้
คือผมเพิ่งผ่านวันเกิดครบ 31 มานั่นแหละ
สารภาพว่าวันก่อนไปยืนมองสารรูปตัวเองหน้ากระจกดิสเพลย์ในห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์หัวจรดเท้าเลย ผลปรากฎว่า..

หัว – ยังทรงเดิม แอบมีผมหงอกงอกขึ้นหนึ่งกระหย่อมตรงกลางกระหม่อม
ตากับปาก – ยังคงคมและดีตามลำดับ ..คิดว่านะ
คอ – ก็อ่อนเหมือนเคย และยังคงไม่มีเส้นสายสร้อยพระเครื่องประดับใดๆ
ข้อมือ – Wristband สีเหลืองข้อความ “เราคือนพรัตน์วชิระ” ได้มาตอนไปช่วยถ่ายรูปรับปริญญาที่เกษตรฯ ให้หลานสาว มีน้องๆ นักศึกษาหน้าใสมาเรี่ยไรเงินสมทบทุนอะไรสักอย่าง ก็ให้ไป เลยได้มา
เสื้อ – เสื้อยืดคอกลมอดีตเคยดำสกรีนทองข้อความ “The Last Samurai” พี่ชายท่านหนึ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อช่วงที่หนังเรื่องนี้ยังอยู่ในกระแส
(กี่ปีแล้วกรุณาคำนวนเอาเองตามแต่สะดวก)
พุง – ......... ชิงร้อยชิงล้าน!
เข็มขัด – เอ่อออ... ก็รัดมาตลอดนะ อ๋ออ.. ซื้อที่บ้าน ที่จันท์ ตลาดนัดจตุจักรจันทบุรีข้างๆ ห้างฯโรบินสัน เข็มขัดหนังธรรมดาสามัญไม่มียี่ห้อ
กางเกง – ยีนส์มือสองของแบรนด์เนมแท้ ซื้อจากตลาดนัดเพชรอโศกหลังตึกแกรมมี่ แอบภาคภูมิใจในราคา 500 บาทไทยที่ได้มา
(แต่ต้องตัดขาออกอย่างเยอะอ่ะ เสียดายว่ะ)
รองเท้า – คอนเวิร์ส Second Hand สีมายองเนส ได้มาจากตลาดนัดวังหลัง ปัจจุบันสภาพย่ำแย่เต็มที แต่ก็ยังคงดื้อแพ่งใส่อยู่
ที่จริงก็มองจองคู่ใหม่ไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว จะรอก็แค่วาระดีๆ

แล้ว?...

นั่นสิ แล้วเอาไงต่อดีล่ะ

11/15/2011

หม่อง ฟาน เพอร์ซี่

หม่อง ฟาน เพอร์ซี่เป็นพม่า
ผมจะเจอกับหม่องตอนเช้าๆ ที่สวนสาธารณะแถวบ้าน
หม่องจะใส่ชุดอาร์เซนอลเต็มสูบ คือจัดมาทั้งเสื้อทั้งกางเกง มาร่วมเตะบอลกับพวกนักฟุตบอลท้องถิ่นขาประจำที่ลานกีฬาทุกๆ เช้า นักบอลแถวนั้นจึงนึกสนุกจึงตั้งฉายาให้หม่องว่า "หม่อง ฟาน เพอร์ซี่" (ล้อเลียน "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่" ศูนย์หน้ากับตันทีมของปืนใหญ่อาร์เซนอล) แล้วก็พากันล้อและหัวเราะเยาะเย้ยหม่องด้วยขบขันในท่าทีเงอะๆ งะๆ ของหม่องอยู่ในทุกครั้งที่งลงสนาม

บางครั้งผมก็เข้าไปร่วมเตะด้วย ถ้าเล็งแล้วว่าเช้าวันนั้นคนไม่เยอะ
แล้วก็มักจะได้อยู่ทีมเดียวกันกับหม่อง ก่อนจะมองหาเพื่อนร่วมทีมอีกสามให้ได้ครบห้า แต่ถ้าหากว่าวันไหนคนเยอะ ผมก็จะแค่วิ่งวนเบาๆ รอบๆ สวนฯตามปกติ

และเหมือนผม -- หม่องมาคนเดียว
จะด้วยอะไรก็ตามแต่ หม่องไม่พกเพื่อนพม่ามาด้วย อาจมี หรืออาจจะไม่
ผมเดาเอาว่าหม่องแค่อยากมีเพื่อนเตะบอล
ผมเองก็อยากมีเพื่อนเตะบอล แต่ทว่าเวลาที่ผมมีกับเพื่อนๆ นั้นลงเอยกันไม่ได้
ก็เลยเปลี่ยนรูปแบบมาวิ่งออกกำลังกายแทน -- ทำเองก็ได้ ง่ายจัง
ที่จริงก็ไม่ได้ชื่นชอบนักหรอก แต่เพื่อสุขภาพ คนเราควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่เหรอ?

กลับมาที่หม่อง
แรกๆ ก็สนุกไปด้วยแหละ ขำดี แต่พอผมเห็นหม่องโดนล้อด้วยพลพรรคนักบอลบ่อยๆ เข้าก็นึกน้อยอกน้อยใจและทดท้อแทนหม่องอยู่เหมือนกัน
วู้วว์ -- จะแซวอะไรกันนักกันหนาวะ
หม่องเขาก็แค่อยากเล่นและมีเพื่อนเตะบอล -- แค่นั้น
พอเสียทีเถอะนะ ไอ้เรื่องพรรคเรื่องพวกน่ะ

.........

ป.ล. ปาเกียวแม่งชนะคะแนนได้ไงฟร่ะ ค้านสายตาว่ะ

11/04/2011

ดอกไม้บานใต้ลานดาว


โรแมนติก
โรแมนติกมาก
การเดินทางครั้งล่าที่ชื่อว่า “ดอกไม้บานใต้ลานดาว” คราวนี้อาจารย์ยงยุทธ พาคณะเราย้อนเวลากว่า 200 ล้านปีไปทำความรู้จักและชื่นชมธรรมชาติกันที่อีสาน

+++++++

โครงการชื่นชมหมู่ดาราทั้งนภาและปฐพี (นิเวศลานหินถิ่นอีสาน)
เมื่อ 430 ล้านปีก่อน ทะเลอีสานถูกปิดล้อมด้วย 2 จุลทวีป คือ อินโดจีน + ฉานไทย ส่งผลให้ทะเลถูกทับถมด้วยตะกอนจากขุนเขาที่ล้อมรอบ
จนกลายเป็นแผ่นหินทรายมหึมายกตัวขึ้นสูงเมื่อประมาณ 200 ล้านปี
เรียกแผ่นดินนี้ว่า ‘ที่ราบสูงอีสาน’
หลังจากนั้นมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ หลากหลายเข้ามาปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้
การที่จะเข้าใจนิเวศของแผ่นดินอีสาน
เราสามารถเรียนรู้ถึงวิวัฒนาการของชีวิตที่บุกเบิกขึ้นมาบนแผ่นหิน
แล้วพัฒนาสังคมจนเกิดเป็นป่าใหญ่...

(รายละเอียดของทริป)

+++++++

ทริปนี้เราเริ่มมื้อเช้าแบบเบาๆ กันตามอัธยาศัยในตลาดวารินชำราบ ก่อนจะมุ่งหน้าไปพบกับความอัศจรรย์ของจักรวาลลานหินที่สามพันโบก

เย็นย่ำ เราดื่มด่ำพฤกษา เดินชมทุ่งดอกไม้ใบหญ้าบานบนลานหินบริเวณน้ำตกสร้อยสวรรค์ ที่ผาแต้ม

ผมชอบที่นี่ เพลิดเพลิน สวยงาม และอบอุ่นในอารมณ์
ไม่รู้เพราะแดดยามเย็นหรือดอกไม้กันแน่ ที่ละลายความเป็นชายขี้อายของผมไปเสียสิ้น ใจจึงอยากจะเดินไปจูงมือน้องสรัสจันทรกับสร้อยสุวรรณาออกมาเริงระบำกันท่ามกลางเหล่าผกามาศบนลานแห่งนั้น ด้วยติดใจในอาภรณ์ที่น้องทั้งสองเขาสวมใส่ ทั้งม่วงละไมตากับเหลืองอ่อนละมุนใจ

โอ่ย.. โมแรนติ๊กหลาย

ยัง ยังไม่พอเด๊ หากตกกลางคืนนั้นดูจะยิ่งโรแมนติกกว่าเด๊ล่ะ
โดยพร้อมเพรียง— คณะเราเอนกายลงนอนสดับฟังเรื่องราวเทพนิยายกรีกจากอาจารย์บนลานหินที่อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย เรื่องราวของกลุ่มดาวเปอร์ซิอุส, เซฟิอุส, เปกาซุส, แอนโดรเมดา และแคสซิโอเปีย

เรื่องเล่าจากอาจารย์จรรโลงเราและโลกเสมอ
ยังผลให้จิตใจสุขสว่างอิ่มเอมเบิกบาน
ผมพริ้มตาหลับไหลไปบนลานหินที่เบื้องบนมีแสงพราวของดวงดาวนับล้าน
และได้โปรด— กรุณาอย่าปลุก

10/26/2011

50/50

..เสียใจ คุณมาช้าไป 2 ปี
พ่อหนุ่มตรวจตั๋วเลือดหงส์ที่เฮ้าส์ราม่าบอกกับเราว่าอย่างนั้น
ค่ำนี้มีศึกวันแดงเดือดเลือดสาดระหว่างหงส์แดงและผีแดงบนเกาะอังกฤษโน่น แน่นอน ผมรู้ได้ไม่ยากจากการแต่งกาย

ความจริง เราสายกันไป 15 นาที ด้วยระบบขสมก. ซึ่งอยู่ในการคาดเดา เราก็ได้เผื่อใจกันไว้แต่แรกอยู่แล้ว แต่หนังของที่นี่นั้นฉายตรงเวลา ไม่มีมหากาพย์โฆษณาเยิ่นเย้อยืดเยื้อในช่วงต้นแต่อย่างใด และหนังเรื่อง One Day ที่เราตั้งใจจะไปดูกันก็ดำเนินเรื่องเป็นแต่ละปีๆ ในช่วงชีวิตของคู่พระนาง (เนื้อเรื่องโดยย่อกล่าวไว้แบบนั้น) เราจึงอาจจะปะติดปะต่อช่วงหัวละท้ายของเรื่องโดยรวมไม่ได้อย่างถูกต้องนัก นายตั๋วเลือดหงส์จึงไม่แนะนำให้เราไปเริ่มเรื่องกับในปีที่ 3 ในโรง -- ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

ดังนั้นเราจึงมองหาหนังเรื่องอื่นที่ยังอยู่ในโปรแกรมกันแทน
และ 50/50 (Fifty/Fifty) คือคำตอบสุดท้ายของเราในบ่ายนั้น

.........

มีคำกล่าวซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ประมาณว่า อะไรที่นอกเหนือการคาดหวังแล้วนั้น มักจะมาเหนือความคาดหมายเสมอ และร้อยทั้งร้อยจะเป็นไปในทางที่ดี (งงไหม-ซับซ้อนไป?-ไม่ใช่มะ)
หลังออกมาจากโรงผมกล้าพิมพ์บอกผ่านระบบโซเชียล เนตเวิร์กได้ทันทีเลยว่า 50/50 นั้นเป็นหนังที่ดูสนุกมาก หนังฟอร์มเล็กดีเยี่ยมของแท้ แต่ติดตรงที่ยังดันใช้โนเกียรุ่นตกพื้นหกครั้งไม่พังอยู่ จึงจำต้องสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านนั้นไว้ก่อน ทำได้แต่ดุ่มเดินอย่างงุ่นง่านไปดูใบปิดหนังอย่างตั้งใจอีกที

หนังเล่าเกี่ยวกับการตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งของพระเอกโดยสุดวิสัย ทั้งที่ไม่ใช่คนสูบบุหรี่ขี้เหล้า แยกขยะในทุกครั้งที่ทิ้งและไม่เคยวิ่งจ็อกกิ้งฝ่าไฟแดง ชีวิตประจำวันอยู่ในครรลองของสังคมเสมอ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รอดปลอดภัยหากเจ้าโรคร้ายที่ว่าจะแวะเวียนมาเคาะประตูเพรียกหา

โอกาสตายและหายมีอยู่ครึ่งต่อครึ่ง
ชีวิตที่เหลืออยู่จะวางแผนแบบไหน อย่างไร และกับใคร

มีหลายหลากแง่คิดที่ติดหัวออกมาจากโรง โดยเฉพาะกับเรื่องของไอ้เพื่อนตัวแสบของพระเอก มันทำให้ผมรู้แจ้งกระจ่างว่าความสัมพันธ์ของมิตรแท้นั้น 'ลึก' และ 'ซึ้ง' มาก หากเรามองออก มองเป็น ด้วยใจที่เย็นและกว้างพอ

อีกหนึ่งในไอ้ที่มันติดหัวผมออกมาจนต้องบอกเล่าสู่กันอีกต่อก็คือ
สำหรับใครก็ตามที่เชื่อ และมั่นใจว่าในช่วงที่เหลืออยู่ของชีวิตจะสามารถหยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้โดยยึดมั่นหนักแน่นแล้วละก็ คุณยังมีเวลาและสิทธิลองคิดใหม่อีกที - ผมขอยกมือทัก
เพราะในยามเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้วนั้น ไอ้การจะนั่งรอรถโดยสารกลับบ้านหลังออกจากโรงหมอเองคนเดียวมันคงไม่ใคร่สนุกนัก และอาจจะเป็นการรอคอยที่ยาวนานเกินไปกระมัง..

แต่ก็นั่นแหละ
โอกาสที่คุณจะคิดถูกกับสิ่งที่ผมบอกไปมันก็มีพอๆ กัน
คือ 50/50

10/25/2011

เรื่องทะเลนั้นพี่พอรู้...














นานโขอยู่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างกับทริปจับ WOM ใส่กระด้ง
เป็นภารกิจของรุ่นพี่สินะ
ยอดเยี่่ยมจริงๆ กับคืนค่ำบนโต๊ะอาหารมหัศจรรย์ตัวนั้น
หรรษาแท้ ^_^

10/16/2011

แซว

“ตัวเท่าไหล่..”
ไม่ทันตั้งตัว ไหลบ่ามาเหมือนน้ำเหนือต้นตุลา— อยู่ๆ คุณนางหญิง เพื่อนซี้หุ่นระหงของฉันก็โพล่งขึ้นมาในตอนที่เรากำลังคุ้ยเลือกกองเสื้อยืดหลากสีราคาพิเศษตรายี่ห้อยูนิคุโละ (Uniqlo) ในกระบะ
เราแอบมุดเข้ามาในร้านหรูเปิดใหม่เอี่ยมอ่องร้านนี้ด้วยวิธีแอบอ้างว่าจะเอากางเกงเข้ามาเปลี่ยนไซส์ โดยไม่ให้พนักงานวัยละอ่อนเฝ้าประตูทางออกของที่นี่เอะใจ (เราเข้าร้านจากทางออก) และถึงจะเอะใจก็คงจับเราไม่ได้ไล่เราไม่ทันดอก เราไวกันยิ่งกว่าเสือชีตาร์กินยาม้าเสียอีก
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้แค่มีความกล้าคงไม่เพียงพอ สำคัญกว่านั้นคือ ‘ใจ’ ต้องแมวด้วย แหม.. ก็แถวจากหน้าร้านยาวออกไปถึงหน้ากระทรวงยุติธรรมขนาดนั้น ใครจะบ้าไปต่อคิวล่ะ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่
และพร้อมยอมเป็นแมวแทนที่จะเลือกเป็นพวกบ้าห้าร้อย

“ก็เขาเขียนบอกไว้ว่า 490 ไง”
ฉันตอบไปด้วยหารู้ไม่
พุดโธ่.. ใครจะไปตรัสรู้ล่ะว่าในคำถามของเธอสะกดด้วย ‘ล’ ลิง ไม่ใช่ ‘ร’ เรือ - กับคำว่า ‘ไหล่’

ห้าวิฯ ไม่ขาดไม่เกินจากนั้นนั่นแหละ ฉันถึงเพิ่งถึงบางอ้ออ๋อว่าคุณนางหญิงกำลังแซวถึงชายหนุ่มคนที่ฉันกำลังคบหาอยู่ เธอไปบังเอิญเจอกับตานั่นเข้าบนสถานีรถไฟลอยฟ้าสายสุขุมวิท

“..แต่ก็น่ารักดี”
ดีนะ ที่คุณเธฮยังอุตส่าห์กรุณาโยนถุงยังชีพถุงล็กๆ ให้ฉันพอประทังให้ความมั่นใจกลับคืนมา ก่อนจะหยิบเอาเสื้อสีม่วงเข้มที่เธอถูกใจเดินกรีดกรายเฉิดฉายตรงไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์อีกด้านของร้าน

“อีบร้าา! คราวหลังเกริ่นนำหน้าหน่อยสิยะ! *&^$##^&)+$@!!!”
ฉันสาดคำด่าไล่หลังตามถังใหญ่ด้วยภาษาจีนกลางกวางตุ้ง หมั่นในไส้เล็กน้อย

กับเรื่องผู้ชาย— หล่อนรู้ว่าฉันยังอายและไม่เคยชิน
ชิ!!