5/30/2011

อีกสักตั้งนะ!





ทางสนพ.กำมะหยี่เขาเปิดรับงานออกแบบปกเพิ่มเติมฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 กับงาน 3 เล่มของ "มูราคามิ" คือ "ราตรีมหัศจรรย์" (อันนี้เราส่งไป 2 แบบ)
"คำสาปร้านเบเกอรี" และ "ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน"
ก็เลยลองออกแบบส่งไปอีกที จากที่เคยลองส่งแบบปก "เส้นแสงฯ" ไปเมื่อเดือนกุมภาฯ แต่ยังไม่เข้าตาคณะกรรมการเขา

อีกสักตั้งนะ กับกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้
ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี.. ดีใจที่ได้ลงมือทำ

おもしろい。\(^o^)/

.........

ป.ล. 1 วันก่อนจับพลัดจับผลูอยู่ดีๆ ก็ได้ไปดู Insidious
เลยจะมาบอกว่าเป็นหนังผีที่ "แหวก" และ "แปลก" มากๆ
ถ้าใครว่างๆ ก็ลองไปดูกันนะ

ป.ล. 2 WOM ฉบับพัทยาออกแล้วนะฮ๊าฟฟ~*

5/18/2011

วันวิสา

พนักงานใหม่ของร้านภูฟ้าตรงสาขานานาชื่อ “วันวิสาข์”
เปล่า— เธอไม่ได้บอกหรอก ผมเพียงสังเกตเห็นจากป้ายชื่อตรงหน้าอกเธอ
ส่วนที่บอกว่าเธอเป็นพนักงานใหม่ก็เพราะว่าพนักงานรุ่นใหญ่อีกท่านหนึ่งที่นั่นเรียกเธอไปสอนเรื่องการชงกาแฟว่าควรทำขั้นตอนไหนแบบไหน อย่างไร

และถ้าเดาไม่ผิด วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ของทุกปีอาจเป็นวันเกิดเธอ ถ้าเธอยังอ้างอิงการนับด้วยข้างขึ้นข้างแรมเหมือนรุ่นคุณย่าคุณยาย และเหมือนกับเพื่อนผมสมัยมัธยมที่ชื่อเดียวกันกับเธอ แต่เขียนต่าง เพราะเพื่อนผมเธอไม่สะกด “-ข์” ในชื่อ และก็เกิดวันที่ผมเดาไปนั่นแหละ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมก็อาจจะผิดเต็มประตูถ้า “วันวิสาข์” เธอยึดตามหลักวันเวลาสากลเป็นที่ตั้ง ไม่ติดยึดกับชื่อที่ปรากฎ

ผมจึงวิสาสะเดาเอาว่าวัน “วิสาขบูชา” เมื่อวานเป็นวันเกิดเธอ

“กาแฟค่ะ” เธอส่งของที่ผมสั่ง
ผมประคองรับแก้วกระดาษหอมกรุ่นอุ่นๆ แก้วนั้น และอวยพรวันเกิดกับเธอไปแบบแบ่งรับแบ่งสู้ กึ่งยิงกึ่งผ่าน ด้วยกลัวหญิงสาวด่าว่าอย่ามาลาวได้มั้ยคะ
“เมื่อวาน— สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
เธอชะงักอึดใจ เงยหน้ามอง แล้วยิ้ม เช่นกันกับที่ผมยิ้ม
เราทั้งคู่กล่าวขอบคุณกันและกัน

นั่นคือเสี้ยวเล็กๆ กับเช้าฉ่ำฝนหลังวันพระใหญ่
จากนั้นพอลับหลังวันวิสาข์ ผมเป่าเบาๆ และจิบชิมกาแฟของเธอ

รสชาติแน่นอน

5/13/2011

ไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ








ยังคงโปรดปรานเสมอ
คราใดที่ได้นำพาตัวเองไปยังที่ที่ปราศจากการติดต่อสื่อสาร
เพียงมีหนังสือเล่มที่รอการเปิดอ่าน และสรรพเสียงจากธรรมชาติที่แท้คลอ

ก็ดูคล้ายว่าจะพอแล้ว..

5/06/2011

พัทยาวไป


โอย..

ตั้งแต่กลับจากดินแดนภารตะมาก็เจอกับงานขนานใหญ่กวักมือหยอยๆ รอท่าอยู่ 2-3 งาน และหนึ่งในไอ้ 2-3 งานที่ว่าก็คือต้องไปค้างอ้างแรมอยู่พัทยา (ว) มากว่าอาทิตย์ เพราะ WOM ฉบับเดือนมิถุนานั้นหนาทำเกี่ยวกับพัทยา
แล้วก็เริ่มถ่ายกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนโน่น.. 3 ทุ่มเศษ
และก็เป็นเช่นนั้นติดต่อกันกว่า 5 วัน

มีอยู่คืนหนึ่งที่ฮิลตัน เจ๊พีอาร์ที่นั่นแกจัดเต็ม ดูแลกันอย่างดีไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงที่เป็นฮิลตัน พวกลากกันยาวไปถึงตี 3 กว่า เราตื่นมาถ่ายห้องอาหารตอนเช้านี่ก็แปลงร่างเป็นซอมบี้กันไป จะว่าไปก็เป็นค่ำคืนที่สนุกดี

จริงๆ เราก็พอคุ้นเคยอยู่นะ กับพัทยาน่ะ แต่ก็ร้างราไม่ได้แวะเวียนไปนาน
ตอนสมัยร่ำเรียนอยู่บางแสนก็ไปเที่ยวอยู่บ้าง
อาจเ้ป็นเพราะไม่นิยมในกลิ่นของทะเลที่นั่น และไอร้อนของปัจจุบันนัก
เพราะนอกจากความคล้ำแล้ว เห็นจะมีแต่เพียงความดำนั่นแหละที่ติดตัวกลับมา ยิ่งไปสมทบกันแดดอินเดียที่ชโลมเลียตัวมาเป็นทุนอยู่แล้ว..

โอย..

แต่เอาเหอะ ก็กลับมาแล้ว บ่นให้หายเหนื่อยไปงั้นแหละ
ไม่ได้อัพนาน ครั้งนี้เลยถ่ายพอร์ทเทรตน้องมีตังมาฝากสำหรับผู้ที่แวะมาชม blog เรา (ซึ่งพอระแคะระคายมาบ้างว่ามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พองาม)

"มีตัง" -- ชื่อเท่ป่ะล่ะ มาจาก "มีสตางค์" นั่นแหล่ะ อันที่จริงน้องเขาชื่อ "มิซาโตะ" เรียกสั้นๆ ว่า "มิจัง" แต่พี่ไทยเราชอบเรียกว่ามีตังมากกว่าโดยน่าจะเริ่มจากพี่แม่บ้านที่บ้านนาย..
อืม.. แม่บ้านนี่ก็เหมือนกัน คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เขามักจะเรียกแม่บ้านว่า "อายะซัง" เราเคยลองถามดูเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นอายะซัง คำตอบคือ "ก็เขาเรียกกันมา" ตลกและน่ารักดี ส่วนชื่อมีตังนั้นแม่เขา (นายเรา) ก็ดูท่าว่าจะชอบอกชอบใจอยู่ ก็เรียกกันเรื่อยมาว่า มีตัง มีตัง และก็อายะซัง อายะซัง

น่ารักเนาะ ทั้งอายะซัง ชื่อน้องเขาและก็รูปที่เราถ่าย ^^

ส่วน WOM ฉบับเดือนพฤษภาออกแล้วนะ ช้ากว่ากำหนดไป 2 วัน
เป็นฉบับเกี่ยวกับร้านอาหารกลางวันโดยจะเน้นย่านสุขุมวิท แต่ก็พอมีที่ย่านอื่นบ้างประปราย อาหารหลากหลายมากมายกว่า 30 ร้านทั้งไทย จีน ฝรั่ง และ ฯลฯ
(ปกงามๆ อยู่ทางด้านขวาจ้า)

โช๊ตโตะเนะ!
กว่า 30 ร้าน...
ถ่ายเข้าไปได้ไงวะกรู -_-"