- หลังเกิดเหตุ -
เป็นเวลาเนิ่นนานถึงนานมากแล้วที่ผมพยายามมองโลกอันโหดร้าย เน่าเฟะและโสมมใบนี้ในแง่ดี จนหลงลืมและละเลยโลกในด้านจริง ผมหมายถึงโลกจริงๆ ที่ "เป็น-อยู่-คือ โลก" เพราะคิดอยู่เสมอว่าในความเน่าเฟะ เละเทะและโสมมนั้นยังมีความอัศจรรย์ธรรมชาติที่น่าค้นหา และซอกมุมที่สวยงามซ่อนอยู่ ยังมีรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ๋ไร้เดียงสาจากเด็กน้อยที่เพิ่งเริ่มขวบปีในโลกใบนี้ ยังมีแสงแดดยามเช้าแสนอบอุ่นในวันที่โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ยังมีสายลมเย็นสบายโชยเอื่อยๆ ตามลำคลองที่เน่าเหม็นไร้ออกซิเจน ยังมีความรักที่เติมเต็มให้กันและกันของชายหญิงขณะที่ตลอดชีวิตใครบางคนนั้นก็ไม่เคยได้รับและรู้จักกับคำว่ารักเลย ยังมีดอกไม้แสนสวยที่งอกเงยขึ้นอย่างสงบอยู่กลางสนามรบท่ามกลางเสียงปืน และคราบคาวเลือดของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนที่บรรจงปลิดชีพกันเอง!
เพียงความสวยงามเล็กน้อยแค่นั้นก็เพียงพอที่จะสร้างรอยยิ้มและความอิ่มเอมชุ่มชื่น ช่วยหล่อเลี้ยงให้เหล่าชีวิตที่ต่างเกิดมาชดใช้กรรมตามปริมาณที่ได้สร้างไว้มากน้อยจากภพชาติที่แล้วให้ดำเนินต่อไปในชาตินี้ หากเพียงแค่ไม่ละเลยที่จะมองหามันให้เจอ
ปีแล้วปีเล่า- ผมยังคงมองโลกเพียงแค่แง่มุมที่สวยงามเรื่อยมา
ปีแล้วปีเล่า...
แล้วก็เหมือนกับมีบางอย่างมาสะกิดเตือนผม (ค่อนไปทางแรง) แล้วสั่งสอน
(น่าจะเป็นการสั่งอย่างเดียวมากกว่า) ให้ผมตระหนักว่า
“อย่าลืมเสียล่ะ ว่าโลกนี้มันยังคงโหดร้าย เละเทะและโสมมอยู่”
ครับ- ผมจะจำไว้
ผมมันคนประเภทเจ็บแล้วจำอยู่แล้ว