1/18/2012

excuse

“ขอโทษนะ ผมเป็นตำรวจ”
ผมเหลียวหันมองไปตามต้นสายของเสียงที่ว่า
คุณคุ้นๆ กันบ้างไหม ไม่เป็นไร ไม่ได้สลักสำคัญอะไร บางคนอาจจะไม่เข้าใจ นั่นเป็นเพราะเรามี ‘ขอบเขตแห่งการอ้างอิง’ (Field of reference) แตกต่างกันไป แต่ผมไม่เคยลืม กับประโยคแคลาสสิกที่ชื่นชอบอันโด่งดังของ Infernal Affairs จากปากเฮียเหลียงฯ ตอนที่เฮียเขาพูดออกไปในฉากใกล้จบของเรื่องนั้นยังคงสถิตติดอยู่ในใจ

จะว่าไปผมค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าพี่เขา (พี่คนพูด— กลับมาที่พี่คนที่พูดกับผมแล้วนะ) เป็นตำรวจของจริงขนานแท้ อิงเอาจากแผ่นป้ายทะเบียนสีกากีมีตราโล่ท้ายพาหนะที่พี่เขาขี่มาแผ่นนั้น คือถ้าพี่เขาไม่ใช่ผู้ร้ายที่อุตริริขโมยรถจักรยานยนต์คุณตำรวจตัวจริงเสียงจริงเขามา ก็หมายความว่าพี่เขา (เองนั่นแหละน่าจะ) เป็นตำรวจตัวจริงเสียงจริงจริงๆ อย่างที่บอก

เดี๋ยวสิ! นี่อะไร! เปล่านะ! ผมไม่ได้เป็นสายให้ใครนะ ไม่เคยฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่เคยไปฆ่าแกงหรือจี้ปล้นใคร ไม่เคยทำร้ายร่างกายใครนอกจากตัวเอง
โอเค— อาจมีบ้างที่เมาแล้วต้องกลับบ้านจึงจำเป็นต้องขับยวดยานยนต์ แต่นั่นมันก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยครั้งมาก

“เพื่อนอสุจิ๋ว”
พี่ชายร่างกายกำยำพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในวลีบอกเล่าธรรมดาๆ แต่ใส่เครื่องหมายคำถามมาด้วยบนใบหน้าที่ขรึมเข้มคมคายเหมือนนายทองเหม็น
หนึ่งในวีรบุรุษผู้หาญกล้าจากบางระจัน

“ครับ” คำเดียวที่หลุดรอดออกจากปากผมไป

“ทีมเดียวกัน”
พี่เขาพูดอีกทีในรูปแบบเดิมด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
ทว่าแต่รอบนี้มีแอบโยนรอยยิ้มส่งตามท้ายมาด้วย พร้อมกับนิ้วมือที่ชี้ไปมาๆ ทางผมและพี่เขาอันอ่านออกได้ประมาณว่า ‘เหมือนกัน’ หรือ ‘พวกเดียวกัน’

“อ๋อ......ครับ”

ความโปร่งโล่งก่อเกิดขึ้นภายในอกผมทันใด อารมณ์คลายๆ ตอนลุ้นอ่านค่าชุดเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์แล้วพบว่าผลออกมาเป็นลบ ไม่ปรากฎเส้นแถบเพิ่ม โอละพ่อ— เพื่อน ‘ไอ้จิ๋ว’ นี่เอง ข้าราชการตำรวจไทยเราไม่ค่อยชำนาญในเรื่องการติดต่อสื่อสารจริงๆ ด้วยนั่นแหละ
แหม...ไอ้เราก็คิดฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแควไปถึงไหนต่อไหน จริงสิ— มันเป็นตำรวจ และมันก็ส่งเทียบเชิญชวนผมมาเตะบอลกับพวกเพื่อนๆ มันทางเฟสบุ๊ก จึงเป็นเหตุให้ผมต้องมายืนรออย่างโดดเดี่ยวในซอยเปลี่ยวอยู่คนเดียวเช่นนี้ เล่นเอาเสียตกอกตกใจหมด ขี้ตกใจไม่น้อยนะเรา ฮ่าๆ ๆ มันเป็นตำรวจ พวกเพื่อนมันก็น่าจะเป็นตำรวจสินะ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ

.........

ถึงจะเหนื่อยแท้ แต่ก็สนุกจริง วันนั้นผมขอตัวกลับก่อนเพราะเดี๋ยวจะดึก แต่ดันสะเพร่าลืมกระเป๋าหิ้วทิ้งไว้ที่สนาม จึงเคาะข้อความไปถามคุณอสุจิ๋วมันทางเฟสฯ (I love Facebook and I play always) ว่ามีใครได้เก็บไว้ให้บ้างหรือเปล่า แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะสภาพมันก็ย่ำแย่เสียเหลือเกินที่จะเยียวยาแล้ว จะได้ถือโอกาสซื้อใหม่พร้อมกับสตั๊ดที่พังไปวันนั้นเสียเลย

แล้วคำตอบอันชวนชื่นหัวใจที่มันเคาะแป้นพิมพ์ส่งกลับมาสั้นๆ แต่ได้ใจความหนักหน่วงเหมือนกับคุณพี่เขาคนนั้น— นายทองเหม็น— เพื่อนมัน ก็คือ...
‘ค่าไถ่’

ผมเคาะกลับไป
‘ขอโทษนะ ไหนเพื่อนมึงบอกว่าพวกมึงเป็นตำรวจ แสรดดด’

1 comment:

Shade of Greens said...

Field Of Joy