เคยพูดคุยนัดหมายอย่างมั่นเหมาะกับเพื่อนๆ ตั้งแต่ช่วงต้นปีหนูปีนี้หลังประเดิมศักราชใหม่ด้วยการดื่มด่ำกับ Across the universe ภาพยนตร์เพลงที่รวบรวมเพลงและเรื่องราวต่างๆ ของพี่ๆ วงสี่เต่าทองยุคโน้นมาทำเป็นภาพยนตร์ (ซึ่งก็นั่งแท่นติดอันดับหนังในดวงใจของเพื่อนๆ และผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกหนึ่งเรื่อง) ว่าจะพักร้อนหนีประเพณีสาดน้ำไปไหนกันดี
หลากหลายแหล่งท่องเที่ยวแต่ละที่ๆ ต่างก็ผุดขึ้นมาจากเพื่อนๆ ทั้งขึ้นเหนือ ล่องใต้ เยือนอีสานหรือย่ำตะวันออก รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายก็มีอยู่ในรายการด้วยโดยไม่มีข้อยกเว้น เราต่างเสนอกันทีละที่ๆ
"ปีนี้ ต้องปีนัง"
ผมออกความคิดบ้าง และก็ดูเหมือนจะแสดงจุดเที่ยวอย่างชัดเจนเสียด้วย ซึ่งมันก็เริ่มจากแค่ผมชอบคำว่า "ปีนี้ ปีนัง" มันฟังแล้วรื่นหูดี ก็แค่นั้น
--นั่งรถไฟระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ – บัตเตอร์เวอร์ท ไปลงที่เมืองบัตเตอร์เวอร์ท ประเทศมาเลเซีย แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปขึ้นย่านจอร์จทาวน์ที่เกาะปีนัง จากนั้นก็เที่ยวปีนังกันให้พอชุ่มคอสัก 2-3 วัน แล้วบินกลับ--
ผมอธิบายทริปคร่าวๆ ซึ่งเพื่อนๆ ก็ดูเหมือนจะโดนผมหว่านล้อมโดยเอาโปรแกรมคร่าวๆ ดังว่าวางดาวน์ไว้ก่อน
ใช่แล้ว – ปีนี้เราจะไปปีนังกัน!
จากวันนั้น ฤดูกาลเปลี่ยนผ่าน จากหนาวเข้าสู่ร้อน
ด้วยอะไรๆ ที่รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง หลายๆ อย่างที่มองไม่เห็น แต่พอรู้สึกได้ ก็ดลใจจำนวนสมาชิกเพื่อนร่วมทางให้ถอดถอนตัวขอผ่านไปทีละคนๆ
จากสิบเหลือเก้า
จากเก้าเหลือแปด
จากแปดลดไปอีกครึ่งเหลือสี่
และท้ายที่สุดจากสี่ก็มาจบลงตรงที่จำนาวนสมาชิกสองคนครึ่ง!
(อีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเนิบเรียว- เพื่อนร่วมทางที่ไปด้วยกันครึ่งทาง เราแยกกันที่สถานีสุราษฏ์ฯ เนิบเรียวบอกจะไปรั่วที่เทศกาลรื่นเริงของวัยรุ่นในค่ำคืนวันพระใหญ่ที่หาดริ้น เกาะพะงัน)
จะเป็นไรไป ท้ายสุดแล้วก็ยังได้ไป
สำหรับผมแล้วปีนี้ยังไงก็ต้องปีนัง ไม่มีปีหลังหรือปีหน้า
เพราะปีที่ผลัดไปอาจมาไม่ถึงก็ได้ - ใครจะรู้
หยุดสงกรานต์ปีนี้จึงเป็นหน้าที่ของผมกับแสตนด์ฯ ที่มีนัดกับจอร์จ ที่ผมเรียกสั้นๆ จากชื่อเมืองจอร์จทาวน์ เมืองแห่งการผสมผสานในความหลากหลายของวัฒนธรรม และเชื้อชาติในสัดส่วนที่เกื้อหนุนและสมดุลกันอย่างลงตัวที่ปีนัง
.........
เวลาบ่ายโมงตรงของวันศุกร์สุดสัปดาห์เทียบเวลาประเทศมาเลเซีย ขบวนรถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ – บัตเตอร์เวอร์ท จอดเทียบสถานีปลายทางเป็นที่เรียบร้อย
กว่า 20 ชั่วโมงบนรถไฟเล่นเอาปวดเนื้อเมื่อยตัวไม่เบา
ผมกับแสตนด์ฯ จัดแจงเอาเป้เดินทางมาสะพายหลัง เตรียมตัวลงจากรถไฟ เพื่อที่จะเดินต่อตามทางเดินเชื่อมไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งที่จะข้ามไปยังเกาะปีนัง
เรือเฟอร์รี่ลำใหญ่แล่นเอื่อยๆ บนทะเลอันดามัน ซึ่งมีปลายทางอยู่ที่ท่าเทียบเรือ ย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์ที่สงบนิ่งรอการมาเยี่ยมเยือนของนักเดินทางผู้แสวงหาและชื่นชมความเป็นไปของจอร์จวิถี
เรากำลังเข้าใกล้ไข่มุกแห่งทะเลตะวันออกทีละคลื่นๆ
"เฮ้ จอร์จ!" ผมร้องทักทาย
แล้วบทเพลงที่เคยฟังตอนต้นปีเพลงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลากหลายแหล่งท่องเที่ยวแต่ละที่ๆ ต่างก็ผุดขึ้นมาจากเพื่อนๆ ทั้งขึ้นเหนือ ล่องใต้ เยือนอีสานหรือย่ำตะวันออก รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายก็มีอยู่ในรายการด้วยโดยไม่มีข้อยกเว้น เราต่างเสนอกันทีละที่ๆ
"ปีนี้ ต้องปีนัง"
ผมออกความคิดบ้าง และก็ดูเหมือนจะแสดงจุดเที่ยวอย่างชัดเจนเสียด้วย ซึ่งมันก็เริ่มจากแค่ผมชอบคำว่า "ปีนี้ ปีนัง" มันฟังแล้วรื่นหูดี ก็แค่นั้น
--นั่งรถไฟระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ – บัตเตอร์เวอร์ท ไปลงที่เมืองบัตเตอร์เวอร์ท ประเทศมาเลเซีย แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปขึ้นย่านจอร์จทาวน์ที่เกาะปีนัง จากนั้นก็เที่ยวปีนังกันให้พอชุ่มคอสัก 2-3 วัน แล้วบินกลับ--
ผมอธิบายทริปคร่าวๆ ซึ่งเพื่อนๆ ก็ดูเหมือนจะโดนผมหว่านล้อมโดยเอาโปรแกรมคร่าวๆ ดังว่าวางดาวน์ไว้ก่อน
ใช่แล้ว – ปีนี้เราจะไปปีนังกัน!
จากวันนั้น ฤดูกาลเปลี่ยนผ่าน จากหนาวเข้าสู่ร้อน
ด้วยอะไรๆ ที่รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง หลายๆ อย่างที่มองไม่เห็น แต่พอรู้สึกได้ ก็ดลใจจำนวนสมาชิกเพื่อนร่วมทางให้ถอดถอนตัวขอผ่านไปทีละคนๆ
จากสิบเหลือเก้า
จากเก้าเหลือแปด
จากแปดลดไปอีกครึ่งเหลือสี่
และท้ายที่สุดจากสี่ก็มาจบลงตรงที่จำนาวนสมาชิกสองคนครึ่ง!
(อีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเนิบเรียว- เพื่อนร่วมทางที่ไปด้วยกันครึ่งทาง เราแยกกันที่สถานีสุราษฏ์ฯ เนิบเรียวบอกจะไปรั่วที่เทศกาลรื่นเริงของวัยรุ่นในค่ำคืนวันพระใหญ่ที่หาดริ้น เกาะพะงัน)
จะเป็นไรไป ท้ายสุดแล้วก็ยังได้ไป
สำหรับผมแล้วปีนี้ยังไงก็ต้องปีนัง ไม่มีปีหลังหรือปีหน้า
เพราะปีที่ผลัดไปอาจมาไม่ถึงก็ได้ - ใครจะรู้
หยุดสงกรานต์ปีนี้จึงเป็นหน้าที่ของผมกับแสตนด์ฯ ที่มีนัดกับจอร์จ ที่ผมเรียกสั้นๆ จากชื่อเมืองจอร์จทาวน์ เมืองแห่งการผสมผสานในความหลากหลายของวัฒนธรรม และเชื้อชาติในสัดส่วนที่เกื้อหนุนและสมดุลกันอย่างลงตัวที่ปีนัง
.........
เวลาบ่ายโมงตรงของวันศุกร์สุดสัปดาห์เทียบเวลาประเทศมาเลเซีย ขบวนรถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ – บัตเตอร์เวอร์ท จอดเทียบสถานีปลายทางเป็นที่เรียบร้อย
กว่า 20 ชั่วโมงบนรถไฟเล่นเอาปวดเนื้อเมื่อยตัวไม่เบา
ผมกับแสตนด์ฯ จัดแจงเอาเป้เดินทางมาสะพายหลัง เตรียมตัวลงจากรถไฟ เพื่อที่จะเดินต่อตามทางเดินเชื่อมไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งที่จะข้ามไปยังเกาะปีนัง
เรือเฟอร์รี่ลำใหญ่แล่นเอื่อยๆ บนทะเลอันดามัน ซึ่งมีปลายทางอยู่ที่ท่าเทียบเรือ ย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์ที่สงบนิ่งรอการมาเยี่ยมเยือนของนักเดินทางผู้แสวงหาและชื่นชมความเป็นไปของจอร์จวิถี
เรากำลังเข้าใกล้ไข่มุกแห่งทะเลตะวันออกทีละคลื่นๆ
"เฮ้ จอร์จ!" ผมร้องทักทาย
แล้วบทเพลงที่เคยฟังตอนต้นปีเพลงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
2 comments:
รูปกำลังมาเน่อ^^
รูปนี้เราว่าเท่ห์ดีน่ะ
Post a Comment