มันเริ่มจากเรื่องที่คุณน้อง babyshampoo เล่าให้ผมฟังบนรถทัวร์ขณะนั่งขึ้นเหนือว่าวันก่อนนั้นคุณน้องเธอไปถ่ายรูปเล่นอย่างเมามันกับเพื่อนจนเกือบไปแตะเส้นขีดของความบ้าคลั่ง โดยมีสิ่งเร้าเป็นต้นคริสต์มาสใหญ่ยักษ์ที่โผล่พรวดขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืนแบบนอกเหนือฤดูกาลแถวที่ทำงานใจกลางเมือง
พอถ่ายเล่นไปสักพักก็มีผู้ชายฝรั่งอายุคราวพ่อเดินอาดเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่บ่งบอกอาการใดนั้นก็ยากที่จะคาดเดา
“Are You OK!?”
“!!??”
คุณน้องและเพื่อนค่อนข้างงู (งูทั้งค่ง) และนึกทดไว้ในใจว่า “Are You OK!? อะไรของมันวะ” ในตอนนั้นจนถึงตอนนี้
และแจงให้ผมฟังต่อว่าตาลุงฝรั่งนั่นแกถามซ้ำประมาณ 2-3 รอบ
ด้วยความงงกันอย่างต่อเนื่อง คุณน้องเธอจึงสอบถามผมว่ามันหมายความว่าจะใด (คงคิดว่าผมจะสามารถไขข้อข้องใจนั้นได้)
ด้วยความที่คร่ำครึ เอ้ย! คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงภาษาปะกิตมาพอสมควร จึงโชว์ภูมิความรู้ที่มีแปลให้คุณน้องเธอฟัง
“มันก็หมายควาย (หมายความว่ามีความหมายควายๆ) ว่า ...เป็นไรมากป๊ะเนี่ยย ไอ้ที่คุณน้องกับเพื่อนไปถ่ายรูปเล่นกับต้นคริสต์มาสนั่นน่ะ เป็นอะไรมากอ๊ะป่าว”
แต่จะบ้าหรือ- คนไม่รู้จักมักจี่กันจะเดินเข้ามาพูดอะไรแบบนั้นกับคนที่เขากำลังเมามันหรรษากัน
ใจผมเองก็ยังไม่เชื่อคำตอบที่บอกกันคุณน้องเธอไป ก็แค่แปลไปตามเนื้อผ้า
เอ๊ะ! หรือไอ้คุณตาลุงฝรั่งนั่นจะเป็นห่วงสมรรถนะในการขับขี่ของคุณน้องประมาณว่า “เมาไม่ขับ” เพราะดูจากอาการเมามันในการถ่ายรูปเล่นของคุณน้องเธอ จึงออกโรงเตือนเสียก่อนล่วงหน้า
ไม่มีใครล่วงรู้... เหอๆ ๆ ...
ฟุ้งฝันในบ่ายวันเสาร์
มาแอ่วเจียงใหม่ก็บ่อยครั้ง แต่ละครั้งนั้นก็ไม่เคยจำเจซ้ำซาก เจียงใหม่มีเรื่องราวและสถานที่รวมถึงผู้คนแปลกๆ ใหม่ๆ ผุดโผล่ขึ้นมาอยู่เสมอ ผมจึงไม่เคยเบื่อเจียงใหม่เลยสักที และที่ขึ้นมารอบนี้นั้น เราตั้งใจจะขึ้นไปชื่มชมความงามของ “ดอกพญาเสือโคร่ง” หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อของ “ซากุระเมืองไทย” กับเส้นทางที่จะไปบ้านม้งขุนช้างเฆี่ยน โดยเส้นทางนี้นั้นเราจะเห็นกันแบบเต็มๆ เป็นดง (ไม่ใช่เป็นวงนะ นั่นเกลื้อน)
เราตัดสินใจเช่ารถมอร์เตอร์ไซส์และขี่ขึ้นไปกันด้วยไอเดียระห่ำของคุณน้องเธอ และจิตวิณญาณนักซิ่ง (จักรยาน) ที่สิงสู่อยู่ในตัวผม
พี่ที่ร้านเช่ารถแกถามเราว่ารถที่เหลือนั้นมียี่ห้อ “wave” กับ “dream” ให้เลือกเอาว่าจะเอายี่ห้อไหน
“wave” กับ “dream” ถามมาได้จะเอาคันไหน?
ขี่ขึ้นดอยแบบนี้มันต้อง “wave” สิคร้าบบ! (รู้ใช่ไหมว่าผมเล่นมุข)
เราเช่าดรีมเกียร์ธรรมดาเพื่อจะได้รู้สึกอุ่นใจนิดๆ ว่าแรงแน่ๆ โดยผมตั้งชื่อให้มันว่า “ฟุ้งฝัน” ใจกะว่าจะให้เจ้าฟุ้งฝันคันนี้แหละ ช่วยพาเราฝ่าฟันเส้นทางอันเลี้ยวลดคดเคี้ยวน้ำเงี้ยวเลี้ยวโค้งที่สูงชันขึ้นไปโฉบเฉี่ยวเที่ยวเล่นกันข้างบนดอย
แว้น... แว้น...
เราสวมบทบาทเด็กแว้นใจเริงร่าขี่ขึ้นดอยโดยคุณน้อง babyshampoo อาสาขี่ให้เป็นมือแรก (ผมมารู้เอาภายหลังกลางทางว่าเป็น “ครั้งแรก” ด้วย O_O)
แว้น... แว้น...
เรากำลังขี่ขึ้นดอยด้วยสายตาเป็นประกายระยิบระยับ****
1- 2- Fall
ล้มเพียงครั้งถือเป็นครู
หนที่สองพอถูไถให้อภัย
แต่นี่ซัดไปสาม!!!
มีอย่างที่ไหนรถล้มวันเดียว 3 รอบ!
ล้มรอบแรกจัดให้เบาะๆ ก่อนโดยคุณน้อง babyshampoo ตรงช่วงโค้งด้านล่างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ตรงนั้นป็นช่วงโค้งขึ้นเนินซึ่งเราล้มตอนที่ชะลอเพื่อจะจอดพักแต่เสียหลักกันนิดหน่อย
ไม่มีใครบาดเจ็บนอกจากฟุ้งฝันที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่...
ก่อนไอ้การล้มเบาะๆ ครั้งแรกนั้นคุณน้องเธอเรียกน้ำย่อยให้ก่อนแล้วโดยการไป “แหกโค้ง” ตรงโค้งสุดท้ายก่อนขึ้นพระธาตุฯ
โค้งนั้นเป็นโค้งเลี้ยวซ้ายหักศอกดังกร๊อบเหมือนในหนังต้มยำกุ้ง หากใครทำความเร็วมากเกินไปมีสิทธิ์แหกโค้งเอาได้ง่ายๆ เลย ถ้าขี่รถไม่แข็งพอ
คุณน้องเธอก็แสดงเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพกันจะๆ จากที่อัดอู้กันขึ้นมาจากข้างล่าง พอเจอโค้งนี้เข้าไปก็แหกสิครับ เราแหกและแหวกว่ายข้ามโค้งซ้ายที่ว่าจากริมซ้ายสุดไปริมขวาสุด!
แม่เจ้า! ดีนะที่ไม่มีรถสวนมา
หัวใจผมงี้หล่นไปอยู่ตีนดอย เลยตาตุ่มไปเยอออะ
จากนั้นด้วยความเป็นห่วงในชีวิต (ของตัวเอง) และทรัพย์สิน (ที่เช่ามา) ผมจึงแปะมือเปลี่ยนมาขี่ให้แทนในเส้นทางช่วงที่เหลือ
ว่ากันว่าเส้นทางสู่การเป็น The Star ไม่เคยราบเรียบฉันใด
เส้นทางสู่บ้านม้งขุนช้างเฆี่ยนนั้นไม่ราบเรียบกว่าเยอะ!!!
เส้นทางช่วงขาขึ้นไปบ้านม้งขุนช้างเฆี่ยนนั้นค่อนข้างชันและแค้บ แคบ รถสวนกันไม่ได้และสองข้างทางเป็นร่อง มีป้ายบอกให้บีบแตรส่งเสียงบอกตำแหน่งว่ามีรถวิ่งอยู่ในทุกโค้ง เพื่อการจราจรที่ปลอดภัย
เราขี่กันมาเรื่อยๆ จนถึงโค้งเกิดเหตุ...
โอ๊ะ! จู่ๆ ก็มีรถกระบะโผล่พรวดมาเงียบๆ พุ่งผ่านด้านข้างเราไปอย่างฉิวเฉียดและเลี้ยวลงเนินไปอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นเรื่องปกติ
แต่ไอ้เหตุการณ์ปกติของพี่กระบะเขานั้นส่งผลกระทบมายังผมอย่างจัง ซึ่งกำลังขี่เลี้ยวสวนกับพี่แกขึ้นเนินอย่างทุลักทุเลตรงโค้งนั้นที่ค่อนข้างชัน จนประครองรถไว้ไม่อยู่
โครม! เราล้มกันอีกครั้ง
ฟุ้งฝันหน้าทิ่มลงร่องข้างๆ อย่างสวยงาม
แต่มีบางอย่างสวยงามกว่าแว้บข้ามหัวผมไป...
อ้าา... คุณน้อง babyshampoo นั่นเอง
เธอนึกสนุกอะไรขึ้นมาตอนนี้ก็ไม่ทราบ โอลิมปิกพึ่งปิดฉากไป แต่เธอกลับเปิดการแสดงยิมนาสติกกระโดดลอยข้ามหัวผมไปโดยใช้มือทั้งสองข้างแตะหลังผมอย่างแผ่วเบาเพื่อใช้ทำการส่งตัวให้ขึ้นไปลอยเคว้งคว้างม้วนตัวติ้วๆ ๆ ๆ ตีลังกาหลังซัมเมอซอลท์สามตลบและใช้มือทั้งสองลงยันพื้น (แทนที่จะเป็นขา!) กางขาออกและชี้ขึ้นฟ้า (แทนที่จะเป็นมือ!) หยุดอยู่พักหนึ่งอย่างสวยงามประมาณ 4 วินาที จนบรรดากระรอกกระแตแถวนั้นต้องหยุดหากินเพื่อมายกป้ายคะแนน 9-9-9-9-9-9-9-9-9-9 ขึ้นพึ่บพั่บรอบบริเวณ พร้อมเสียงตบมือกันเกรียว ก่อนที่คุณน้องจะกลิ้งโค่โล่ลงไปกองกับพื้นถนนเสียงนุ่มแน่นดังแอ่ก!
โอ๊วว— หม่าย— ก็อดดดดด!!!
ผมร้องออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน โดยที่มือซ้ายยังชูป้ายคะแนนอยู่
ตะลึงงันอยู่พักหนึ่งก็มีสายลมหนาวที่หวังดีพัดพาคุณลุงขี่รถผ่านขึ้นมาแถวนั้น ลุงแกจอดรถลงมาช่วยผมยกฟุ้งฝันขึ้นจากร่อง สายตาหันไปทางคุณน้องที่นอนกองอยู่ใกล้ๆ กันแว่บหนึ่งแล้วหันกลับมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า
“เป็นไรกันมากป๊ะเนี่ยย?”
(โปรดติดตามตอนต่อไป เพราะเกรงใจเห็นว่ายาวเกิน)
12/26/2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
2 comments:
ขำ FALL มากที่สุด 5555555555
ฮา ฮา ฮา
อ่านไปอย่างช้าๆ เรื่องราวคนช้ำๆ (ฟกช้ำ)
แต่มันยิ่งขำเพราะเป็นตัวเรา
ไม่เคยจะนึกฝัน จะเจอเองซักครั้ง ...
Post a Comment