12/27/2008

Fa!!! แล้ว Fa!!! เล่า

...ความเดิมตอนที่แล้ว
http://1306ix.blogspot.com/2008/12/fa.html

“ยังไม่บาน”
เราล้มลุกคลุกฝุ่นกันขึ้นมาจนถึงจุดหมายเพื่อจะได้ยินคำว่า “ยังไม่บาน” เป็นคำตอบสุดท้ายจากผู้เชี่ยวชาญด้านบน ทั้งๆ ที่ก่อนจะขึ้นมาเราก็ได้สอบถามมาแล้วจากคนข้างบนนี้เช่นกัน แต่ตอนนั้นดันบอกว่าตามที่ดูจากวัน-เดือน-ปีตกฟากของต้นพญาเสือโคร่งแล้วเส้นชะตานั้นโคจรหมุนรอบดาวศุกร์ 2 รอบ ก่อนจะวกกลับมาบานในวันเสาร์นี้แน่นอน Confirm! (เดี๋ยวนี้คำนี้เชื่อไม่ค่อยได้แฮะ)
“คิดว่าคงบานช่วงปีใหม่ ไว้มากันใหม่สิ”
ผู้เชี่ยวชาญแค่นหัวเราะให้กำลังใจเรา

ยอมรับว่าเสียดายอยู่ แต่ไม่ถึงกับเสียใจ
เพราะจากที่ถ่ายทอดสดดงพญาเสือโคร่งด้วยตาเปล่าตอนที่ยังไม่บานแล้วยังสวยขนาด ถ้าตอนที่ดอกมันผลิบานสะพรั่งพรูออกมาอวดสีชมพูขึ้นครึ้มคลุมทั้งดงสุดลูกหูลูกตาอย่างที่จินตนาการเอานะ
ซึเก้ง!!!
(ขั้นสุดของซึโก้ย ที่แปลว่า สุดยอด ในภาษาญี่ปุ่น เรียงลำดับความสุดยอดได้ดังนี้ ซึโก้ย- ซึเก้- และซึเก้ง!) เผลอๆ จะแจ่มกว่าซากุระที่ญี่ปุ่นเสียอีก ผมงี้ยังอดขนลุกไม่ได้
“หนาวหรือคะคุณพี่” คุณน้องได้ทีจึงแซวขึ้นมา
“ใช่เวลามั้ยเนี่ย” ผมสวนกลับ

ใกล้ๆ กันกับที่เรายืนอยู่นั้นมีเก้งกวางหนึ่งนาย (ศัพท์เฉพาะทาง-- กรุณาไถ่ถามความหมายเอาเองจากกลุ่มเสื้อม่วง) หน้าตาเน่ามากกก คุณเธอยืนเต้นจังหวะละตินผสมแซมบักเว้ดุ๊กดิ๊กๆ ส่ายเอวไปมา แล้วก็เงยหน้ามองฟ้าพร้อมกับหลั่งเอนโดฟินเรี่ยราดเต็มถนน สักพักคุณเธอก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงค่อนข้างดังว่า
“โว้ย! ประเทศไทยสวยจัง!”
(นี่เป็นกรณีตัวอย่างของผู้คนแปลกๆ ที่มักจะมีให้พบเห็นกันได้บ่อยๆ ที่เชียงใหม่)
เราเห็นอะไรแบบนั้นเข้าก็อดที่จะขนลุกซู่ (ที่ไม่ได้เกิดเพราะอากาศหนาว) แล้วหันหน้ามาสบตากันด้วยใบหน้าที่เหยเก และพูดออกมาเกือบจะพร้อมกันบ้างว่า
“เป็นไรมากป๊ะเนี่ยย”

ขาลง
นักเดินทางที่ดีย่อมไม่ย้อนกลับเส้นทางเดิม
ใครบางคนว่าไว้อย่างนั้น
ผมเองก็อยากจะโชว์การเป็นนักเดินทางที่ดีกับคุณน้องเขา (จากที่พาไปล้มรอบสองตรงขาขึ้นมา ฟอร์มที่พอมีอยู่ก็ป่นปี้ย่อยยับไม่มีชิ้นดี) จึงจัดสรรเส้นทางลงใหม่ให้ โดยเราจะลงเขากันในอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งสามารถไปโผล่แถวๆ ห้วยตึงเฒ่าได้เลย น่าสนใจกว่าย้อนกลับทางเดิมอย่างมากมาย

เราแวะพักที่ร้านกาแฟอาราปิการ้านเดียวที่สร้างขึ้นมาแบบง่ายๆ โดดๆ ไม่รบกวนใคร และก็คงไม่มีใครแถวนั้นให้รบกวนเช่นกัน เพื่อเพิ่มพลังในการขับขี่
อืมม์...กาแฟบนนี้รสชาติดีไม่หยอก
แต่คุณน้องเธอดันสั่งมาม่าคัพมาโซ้ยซะงั้น
เดาว่าเธอคงจะเหนื่อยจากกายกรรมที่ทำการแสดงตอนขาขึ้นมา^^
ก่อนออกเดินทางต่อ เราก็ไม่ลืมที่จะสอบถามความมั่นใจจากลุงเจ้าของร้าน
“โอ้ย! สบายยยยยยยย” ลุงแกลากเสียงเน้นว่าสบายจริงๆ
สร้างความมั่นใจในเส้นทางที่เรากำลังจะไปต่อได้มากโข

ใช่แล้ว- นักเดินทางที่ดีย่อมไม่ย้อนกลับเส้นทางเดิม
เราออกเดินทางต่อด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่องโดยไม่ได้เอะใจสักแอะเลยว่า เท่าที่เห็นรถราต่างๆ ที่ขี่สวนผ่านเราไปนั้นมีแต่รถวิ่งกลับเส้นทางเดิม ซึ่งเป็นรถที่เราพอคุ้นตาในช่วงขาขึ้นมาแทบทั้งนั้น

“$#@!!!!^%%!!!”
ผมควรจะสบถใส่ใครดี
สบายบ้าไรเนี่ย! ทางโครตลำบากเลย!
ผมไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซส์ลงเขาป็นอาชีพนะ (โว้ย) ครับลุง!
ไม่มีทางที่เราจะลงไปถึงข้างล่างได้โดยสวัสดิภาพอย่างแน่นอน
ผม Confirm บ้าง!
เอาเป็นว่าคุณลองมโนภาพเอาดูว่าทางแย่ๆ ที่พอจะนึกออกมันเป็นอย่างไรบ้าง ผมต่อให้เลยว่ามันแย่กว่า 5 เท่า!
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคุยทับกันนะคุณพี่” คุณน้องทักขึ้นมา ขณะที่มือทั้งสองก็เกร็งจิกบ่าผมแน่นได้อีก ด้วยกลัวรถล้มและหลุดตกเหว

ทางขาลงนั้นมันจะคล้ายๆ เป็นเนินสองข้างขนานกันไปความกว้างหน้าตัดประมาณหนึ่งคืบ ตรงกลางและขอบๆ เป็นร่องน้ำลึกมากกกก และเต็มไปด้วยหินขนาดใหญ่ บางช่วงก็เป็นถนน บางช่วงก็เป็นทางดิน บางช่วงก็เป็นทางหิน บางช่วงก็เป็นทางน้ำตัดผ่าน ที่เลวร้ายที่สุดคือบางช่วงก็ไม่มีทาง!
“$#@!!!!^%%!!!”
ผมสบถและบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้งที่ต้องเกร็งแขนบังคับฝืนคอรถให้อยู่ในเส้นทางที่กว้างเพียงหนึ่งคืบนั้นตลอดทาง จนรู้สึกถึงการเต้นของกล้ามเนื้อปุดๆ

2 ชั่วโมงผ่านไป...

เสียงเต้นของกล้ามแขนผมยังดังอย่างต่อเนื่อง แต่แผ่วลง (มันคงเต้นจนเหนื่อย) และเรายังคงทุลักทุเลกับขาลงอยู่ โดยจอดพักเป็นช่วงๆ
ยังดีที่ยังพอเจอรถสวนขึ้นไป 2 -3 คันให้อุ่นใจได้บ้างว่ามาถูกทาง โดยแต่ละคันนั้นในช่วงที่ขับสวนขึ้นไปก็เหมือนจะมองเราทั้งสองแบบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่ามันจะเก๋าไปไหนกัน ที่มาลงในเส้นทางที่เขาไม่ลงกันเนี่ย
และถ้าเปิดโอกาสให้พูดอะไรสักอย่างกับเราได้นะ ผมมั่นใจได้เลยว่าจะต้องเจอกับประโยคเดิม
“เป็นไรมากป๊ะเนี่ยย”

.........

R--U--OK!?
แล้วเราก็ลงถึงพื้นราบอย่างสะบักสะบอม
บ่าผมเป็นแผลเหวอะหวะและโชกไปด้วยเลือดจากการจิกของคุณน้อง babyshampoo แต่ไม่เป็นไร
ผมผ่านมาเย้อออะ เจ็บมาก็เย้อออะ และผมอยากให้ทุกคนสู้เหมือนผม T_T

เราค่อยๆ ขี่ต่อมาอีกไม่นานก็ถึงห้วยตึงเฒ่า
(ฟุ้งฝันนั้นสภาพดูไม่จืดทีเดียว ทั้งบังโคลนหน้าข้างซ้ายและกระจกมองข้างขวาที่แตกละเอียด ตระกร้าหน้าที่บุบเบี้ยว เบรกที่ดูเหมือนจะหมดสภาพ ไม่พักต้องพูดถึงรอยขีดข่วนอีกนับไม่ถ้วน)
ที่นี่สวยมากในเวลาเย็นย่ำ ลมพัดเอื่อยๆ เห็นทะเลสาบเป็นคลื่น แสงอาทิตย์อ่อนๆ อาบมาจากทางหลังเขา ฉาบทะเลสาบยามเย็นเห็นเป็นสีส้มอมชมพูดูแล้วสวยงามจนเข้าขั้นมหัศจรรย์

แล้วสัจธรรมบางอย่างก็พลันบังเกิดขึ้นกับเราที่นั่น...

เราล้มเป็นครั้งที่ 3 ของวันและตกลงไปในหลุม
ทว่าครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุแต่อย่างใด
หากแต่เป็นการล้มที่เราตั้งใจ และเลือกที่จะปลดปล่อยทั้งกายใจให้ปลิดปลิวล่องลอยละลิ่ว และค่อยๆ ร่วงหล่นช้าๆ อย่างงดงามลงในหลุมที่ว่าด้วยใบหน้าแปดเปื้อนด้วยรอยยิ้มพร้อมๆ กัน

...หลุมที่มีชื่อหลุมเขียนไว้ลางๆ แต่ชัดเจนในใจว่า “ฮักเจียงใหม่”

“Hey! Are You OK!!??”
“Oh! We Are Falling, But We Are OK แหละ”

3 comments:

Anonymous said...

มิน่าหละ...
ทำไมเล็บหัก

เว่อมั่กๆเลยนะคุณพี่

Anonymous said...

อิจฉาคนได้ขึ้นดอยยยยยย

liw yong said...

เขียนได้สนุกจริงๆ^^