พี่ชายท่านหนึ่งโทรฯ มาหาจากญี่ปุ่น
แกไปเที่ยวได้สิบกว่าวันแล้ว กำหนดกลับคืออีกสองวันข้างหน้า
ผมถามแกไปว่าอยู่ไหน แกบอกว่าอยู่แถวๆ ตีนภูเขาไฟฟูจิ
แล้วก็บอกต่อว่าเสียดายเนอะ วิวที่นี่สวยนะ น่าจะมาเที่ยวด้วยกัน
เราเคยคุยฟุ้งกันเป็นวรรคเป็นเวรว่าจะไปปีนฟูจิซังด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน
จากนั้นแกก็เล่าต่อว่าสิบกว่าวันที่นั่นสนุกมาก เหนือคำบรรยาย
"น่าจะมาด้วยกัน" แกย้ำอีกดอก
ใช่พี่-- เสียดายสิ ทำไมจะไม่ ผมน่าจะไปด้วย
ประเทศในฝันเลยนะญี่ปุ่นน่ะ
แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายนักก็ทำให้ผมผลัดวันประกัน (ปี) พรุ่งกับดินแดนอาทิตย์อุทัยไปเรื่อยๆ จนมารู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนว่ามันอาจจะสายเกินไปแล้ว ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว อาทิตย์ดวงนั้นเหมือนจะลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ และพอมันลอยสูงขึ้นเข้า มันก็จะค่อยๆ เผยความสว่างของเวลากลางวัน แสงเริ่มแรง และทำให้เกิด 'เงา' ซึ่งผมไม่ชอบ
ทริปนี้จึงได้แต่ส่ายหน้าส่ายมือไปมาปฏิเสธคำชวนจากแก แม้ว่าจะมีคนรู้จักทางโน้นคอยเทกแคร์ดูแลและมีที่พักฟรีตลอดทริปก็ตาม
อย่างหนึ่งคือรสนิยมการเที่ยวของผมผิดเพี้ยนแปลกแปร่ง
อันนี้ถือเป็นข้อเสีย ซึ่งเป็นเรื่องที่สายเกินแก้ไปแล้ว
สองคือชุดภาพความทรงจำสีจัดจ้านจากอินเดีย ความงามที่แท้จริงของสิกขิม อีกกับรสชาติแห่งดาร์จีลิงยังคงละมุนและแจ่มชัดเกินไป
..หิมาลัยในใจผมยังไม่ละลาย
อีกอย่าง ของบางอย่างอยู่แต่แค่ในฝันก็ไม่เลวนักนะ ผมว่า
(แล้วก็ไม่แน่อีก ปีหน้า ผมอาจอยู่ในอารมณ์อยากไปก็ได้ ใครรู้เหรอ)
เราคุยกันต่ออีกไ่ม่นานก่อนจะนัดแนะวันไปรับที่สนามบินตอนแกกลับ
ผมส่งเสียงใสบอกแกไปว่าดีใจมากที่คิดถึงกันและโทรฯ มาหา
แล้วเราก็วางสาย ผมนั่งรถเมล์กลับบ้านหลังเสร็จงาน
ซึ่งตอนรับสายแก ผมก็เพิ่งขึ้นรถ และจ่ายค่าโดยสารกับพนักงานไป
ดีใจเล็กน้อยที่วันนี้ยังทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย
6/02/2011
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
2 comments:
ชุดภาพความทรงจำของอินเดียที่ติดทนนานแบบนั้น
ซื้อจากร้านเดียวกันหรือเปล่านะ
คงทนไปถึง'ปาย'หน้าฝนโน่นล่ะมั้ง
^^
Post a Comment