1/28/2008

Zodiac

สิ่งหนึ่งที่พวกเทปผี (ซึ่งปัจจุบันเทปผีไปเกิดใหม่หมดแล้ว เป็น) ซีดีเถื่อน ไม่มี
(และอาจจะคิดว่าไม่เห็นจะมีความจำเป็นอะไรที่จะต้อง) ให้ผู้บริโภค คือ เครดิตใน/บนปก ซึ่งคุณจะสามารถล่วงรู้ได้ถึงเบื้องหลังการทำงานต่างๆ ของฝ่ายต่างๆ ในสื่อสร้างสรรค์ที่คุณๆ เสพอยู่ เช่น อัลบั้มนี้ใครเป็นโปรดิวเซอร์, ใครเป็นคนเขียนเนื้อเพลง, ใครเป็นคนเรียบเรียงเสียงประสาน, ศิลปินนักร้องอยากเขียนเครดิตขอบคุณใครบ้าง ฯลฯ

จะรู้ไปทำไม

ไม่รู้, แต่พอนั่งนิ่งๆ แล้วนึกย้อนกลับไปสำรวจปีที่ผ่านมาพบว่า เรื่องราวต่างๆ นั้นช่างน่า ‘จด’ และ ‘จำ’ ไว้อย่างยิ่ง เลยนั่งนิ่งๆ นึกต่ออีกนิด ก็เกิดกระบวนการรวบรวมประมวลผลขึ้นในหัว จึงใคร่เขียนเครดิตต่างๆ ข้างในนั้น ให้เกียรติเรื่องราวต่างๆ และอยาก ‘ขอบคุณ’ ในทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างตลอดปี 2007 ที่พ้นผ่านไป

มันช่วยหล่อเลี้ยงให้ผมเติบโตมานั่งโม้อยู่นี่ไง!

.........

CAPRICORN ---> Sabai Thai Magazine และทีมซามูไรน้อยๆ :
รักกันครับ รักกัน : )

AQUARIUS ---> ..... ชิงร้อยชิงล้าน (ข้ามครับ, เดือนแห่งความรัก 2-3 ปีมานี้ไม่ค่อยมีอะไร)

PISCES ---> Pattaya International Music Festival 2007 : การนั่งดูคอนเสิร์ตคนเดียวเป็นการกระทำที่ไม่น่าปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำสอง!

ARIES ---> ประเพณีสงกรานต์เชียงใหม่ และชาวแก็งค์ River No. 6 :
เมาและมันส์มากมาย (จนต้องนอน) ก่าย (กันบน) กอง (ผ้า)

TAURUS ---> กำเนิด 1306ix.blogspot.com อ่านว่า สิบสามศูนย์ซิกส์ดอท
บล้อกสปอตดอทคอม – พื้นที่เล็กๆ ของข้าพเจ้า

GEMINI ---> เทศกาลตนตรีแจ๊สนานาชาติที่หัวหิน : ถ้ามีโอกาส อยากให้ลอง, ไม่ติด แต่จะคิดถึง^^

CANCER ---> อ่าวไทยทริป (ไม่ใช่อุทัยทิพย์!) : เกาะสมุย, เกาะพงัน,
เกาะเต่า, เกาะนางยวน, ชุมพร, หัวหิน และอานนท์ ไพชำฯ ขอบคุณอีกครั้งที่อุตส่าห์มาส่งขึ้นเรือ

LEO ---> บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร ของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ : ขอคารวะครับ มันทำให้ผมเข้าใจอะไรๆ ในชีวิตได้ชัดเจนมากขึ้นอีกเยอะเลย

VIRGO ---> Red Carpet Magazine : หวือหวาเดี๋ยวก็ตาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน

LIBRA ---> เวียดนามทริป : เว้, ฮอยอัน, ฮานอย และฮาลองเบย์ - ไม่มากก็น้อย, รู้สึกว่าตัวเองแกร่ง (และกร้าน) ขึ้น

SCORPIO ---> กระทงสายที่อัมพวา : สงบและสวย...

SAGITTARIUS ---> ดอยหลวงเชียงดาว, เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอนทริป - ห้วยน้ำดัง, ปางอุ๋ง และทุ่งดอกบัวตอง : เพื่อน และชีวิตอิสระไร้เหลี่ยมมุม

และบนรถไฟชั้นสาม, หาดบ่อนอก - แม้ค่อนข้างเงียบ แต่ไม่เหงาจนเกินไป

พยายามจะไม่ให้เหงาอีกต่อไป...

sTANd up my life!

1/22/2008

ดอน/Jane/D 80



















พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา แต่ละฉบับ บันทึกปีรัชกาล และวันกระทำยุทธหัตถี ของสมเด็จพระนเศวรมหาราชแตกต่างกันออกไป แต่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ยึดเอาที่ปารกฎในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติเป็นหลัก เนื่องจากพงศาวดารฉบับนี้ ค่อนข้างมีความแม่นยำ และถูกต้องกว่าฉบับบอื่นๆ

พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ บันทึกสงครามครั้งสงครามยุทธหัตถี ปีมะโรง จศ. ๙๕๔ (พ.ศ. ๒๑๓๕) ไว้ว่า “ …เถิงวัน ๒ฯ ๒ ๒ ค่ำ เพลารุ่งแล้ว ๕ นาฬิกา ๓ บาท สมเด็จทรงช้างต้นพระญาไชยานุภาพ เสด็จออกรบมหาอุปราช ตำบลหนองสาหร่าย ครั้งนั้นมิได้ตามฤกษ์ และฝ่าย (ผ่า) ฤกษ์หน่อยหนึ่ง แลเมื่อได้ชนช้างด้วยมหาอุปราชานั้น สมเด็จพระนารายณ์บพิตร เป็นเจ้าต้องปืน ณ พระหัตถ์ขวาหน่อยหนึ่ง อนึ่งเมื่อมหาอุปราชาขี่ช้างออกมายืนอยู่ตรงนั้น หมวกมหาอุปราชาใส่นั้นตกลงเถิงดิน แลเอาคืนใส่เล่า ครั้งนั้นมหาอุปราชาขาดคอช้างตายในที่นั้น... ”

วันเวลาที่กล่าวถึงในพวศาวดารดังกล่าว เป็นวันทางจันทรคติ ซึ่งใช้กันอยู่ในสมัยนั้น แต่ในปัจจุบันคนไทยเคยชินกับวันทางสุริยคติมากกว่า จึงต้องมีการคำนวนเปรียบเทียบวันทางจันทรคติมาเป็นวันทางสุริยคติ เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น ตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕ ตามปฎิทินสุริยคติระบบเกรกอเรี่ยน

ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ ๑๘ มกราคม ของทุกปีเป็นวัน “ยุทธหัตถี” หรือ “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” โดยถือเป็นวันรัฐพิธี ให้มีการวางพานพุ่มถวายราชสักการะ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ พร้อมทั้งกำหนดให้วันที่ ๒๕ เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอีกด้วย

***บางส่วน บางตอนจากบทบรรยายนิทรรศการสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในอนุเสาวรีย์ดอนเจดีย์ ที่สุพรรณบุรี ซึ่งจัดทำโดยกรมศิลปากร นำมาบอกเล่าสู่กันฟังครับ

เที่ยวงานวัดบ้านๆ แบบนี้ นานทีปี (ละ) หนก็เคลิ้มสมาคมกันไป^_^

1/14/2008

SILK a song






If we talk about Thai silk, everybody knows Jim Thompson, the king of Thai silk. With a wide range of items from clothes, bags, furnishings, dolls and souvenirs, you can find silk to complement you and your home.

Jim Thompson has over 16 branches in Bangkok and branches in Phuket and Pattaya. You can go and see the authentic Jim Thompson house opposite the National Stadium near the MBK shopping mall.

Come and visit one of the Jim Thompson stores and find yourself indulged in the beauty of their silk.

1/07/2008

เข้าเมืองตาหลิ่ว


กิจกรรมหลักยามกลับบ้านของผมคือการนั่ง (บางครั้งก็นอน) คุยกับแม่ในทุกๆ อาณาบริเวณของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน ซึ่งดัดแปลงเป็นร้านโชว์ห่วยขายของชำเล็กๆ จำพวกขนมขบเคี้ยว, น้ำอัดลมและเครื่อง ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอีกนิดๆ หน่อยๆ ประปราย อีกทั้งยังเป็นสมาคมกาแฟในช่วงเช้าตรู่สำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านอีกด้วย

ด้านข้างของบ้าน ซึ่งป็นบริเวณส่วนที่ใช้จัดการเกี่ยวกับกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมกับน้ำเสียส่วนใหญ่ ทั้งล้างถ้วยชามจานข้าว, แก้วกาแฟ, ซักผ้าและล้างรถ

ในครัว, ที่ๆ ผมมักเข้าไปลักลอบลอกวิชาการทำอาหารของแม่อยู่บ่อยๆ และก็เป็นอันต้องพลาดให้โดนจับได้ทุกครั้ง จนต้องทำโทษจำเลยอย่างผมโดยการเรียกมาให้เป็นลูกมืออยู่เสมอ

รวมทั้งในบ้าน ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ห้องนอนห้องนั่งเล่น ที่จริงเหมือนจะเป็นการสัมภาษณ์กลายๆ ก็ว่าได้ เพราะผมมักซักโน่นถามนี่ต่างๆ นานาเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นไปของหมู่บ้านและผู้คนที่นั่น ซึ่งแม่ผมก็เป็นนัก (ชอบ) เล่า
และผู้สังเกตการณ์ความเป็นไปของหมู่บ้านอย่างดี

รอบนี้ส่วนใหญ่เราคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง ‘ไอ้หลิ่ว’

‘หลิ่ว’ หรือจะให้ถูก ต้องเรียกว่า ‘ไอ้หลิ่ว’ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เท่าที่เห็นและได้ยิน ไม่ปรากฏพบว่าใครคนใดในหมู่บ้านริอาจเรียก ‘ไอ้หลิ่ว’ ว่า ‘คุณหลิ่ว’, ‘น้องหลิ่ว’, ‘พี่หลิ่ว’, หรือ ‘หลิ่ว’ เฉยๆ

ไอ้หลิ่ว- เด็กวัยรุ่นตาเขข้างเดียวแต่ไม่ถึงกับเหล่ เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดาที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่งในหมู่บ้านผม คือเป็นเด็กที่โตเพียงตัว แต่พัฒนาการทางสมองนั้นช้ากว่าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกันหลายเสาไฟฟ้า (เอ่อ.. แถวบ้านผมเขาเปรียบเทียบกันแบบนี้จริงๆ!) และพี่สาวของไอ้หลิ่วเอง ที่ปกติธรรมดาเหมือนเด็กๆ ทั่วๆ ไปในหมู่บ้าน เหตุนี้มันจึงเรียนไม่จบ ป.1 เสียที ไอ้หลิ่วเรียนซ้ำชั้น ป. 1 ปีแล้วปีเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกินวัยและเวลาอันควรที่มันจะเรียนได้แล้ว แม่ของไอ้หลิ่วเลยจำต้องให้มันออกเรียนมาทำงานช่วยทางบ้านแทน ซึ่งทางคณะอาจารย์ก็รู้เห็นและเป็นใจ

ด้วยร่างกายที่แข็งแรงล่ำสันบึกบึนและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นต้นทุน แม่ของไอ้หลิ่วจึงตระเวนพามันไปฝากให้ทำงานรับจ้างทั่วราชอาณาจักร งานทุกอย่างที่ต้องการแรงและพลัง ไอ้หลิ่วทำได้หมด ตั้งแต่ตัดหญ้า, พ่นยา, ให้น้ำสวน, ปีนป่ายเก็บผลไม้, งานแบกหาบนานาชนิด เรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้แรงงาน (ของตัวเอง) ตั้งแต่เด็ก จนมันสามารถมีรายได้ประจำจากการเป็นลูกจ้างถาวรของเฮียนกยูง เจ้าของเต้นท์ผ้าใบประจำหมู่บ้าน

"แม่มันให้ ’ตังค์มันวันละห้าสิบบาท ถ้าวันไหนให้มันไม่ถึงมันจะโกรธ มันไม่เอา มันรู้ มันรู้ว่าเท่านี้ๆ กี่บาท รู้ว่าไม่ถึง มันไม่ยอม มีคนสอนมัน แต่ถ้าให้มันหกสิบบาท มันเอา เพราะมันรู้ว่าเกิน... แต่ถ้าให้มันบวกเลขนะ ไม่ได้เรื่องหรอก
ก็ ป. 1 มันยังไม่จบเลย..."

แม่เล่าเพิ่มเติมให้ฟังขณะที่ผมกำลังเคี้ยวชมพู่แก้มตุ่ยที่เก็บมาจากสวนเมื่อเช้า

และด้วยความเชี่ยวและชำนาญงานกางเต้นท์ จากเด็กหนุ่มไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้ ไอ้หลิ่วจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยการฟังและลงมือทำ ไม่นานนักด้วยวัย 23 ปีเศษ ไอ้หลิ่วก็เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นมือกางมือหนึ่ง และควบตำแหน่งหัวหน้าคนงานกางเต้นท์อย่างยิ่งใหญ่ สร้างความปิติให้ทั้งพ่อแม่ และคนในหมู่บ้าน รวมถึงผู้เฝ้าดูอยู่ห่างๆ อย่างผมและแม่
(แปะๆๆๆๆ เสียงปรบมือกึกก้องเนิ่นนานดังไปทั่วหมู่บ้าน)

ในทันใด- อย่างไม่ได้ตั้งใจ (และไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย), ในหัวผมพลันเกิดภาพทับซ้อนภาพของการโห่ร้องเฉลิมฉลองให้ไอ้หลิ่วด้วยภาพที่มัวๆ หม่นๆ คล้ายอยู่ในม่านหมอกของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับไอ้หลิ่ว เพียงแต่พอระบุได้ว่าบุคลิกดูดีมีชาติตระกูลกว่า, มีการศึกษากว่า, สะอาดและสำอางค์กว่า, เสื้อผ้ารองเท้าทันสมัยมีค่าราคากว่า กำลังเที่ยวเตร่โลดโผนอยู่ท่ามกลางแหล่งมั่วสุมสถานบันเทิงเริงรมย์อยู่ในเมืองใหญ่ศิวิไลซ์ ห้อมล้อมด้วยสุราเมรายมุข อบอวลด้วยกลิ่นของกิเลสและตัณหาราคะ

ยิ่งเพ่งสายตาดูก็ยิ่งคลับคล้ายคลับคลา

………

ชมพู่ที่เก็บมาหมดจากจานไปเรียบร้อยแล้ว

แม่ขอตัวไปขายของ เพราะมีคุณลุงมาตะโกนร้องเรียกซื้อยาฉุนอยู่หน้าบ้าน

ผมยกจานเตรียมจะไปล้าง หันมองไปทางด้านข้างของบ้าน ต้นไม้, ดอกไม้น้อยใหญ่ไหวเอนตามลมที่พัดเนือยๆ ทั้งชวนชม, บานบุรี, แพงพวยและโป๊ยเซียน
ดูแล้วเพลิดเพลิน ยิ่งกลิ่นหอมของดอกพุดและมะลิกำลังบานที่แม่ปลูกไว้เป็นแนวตามกำแพงบ้านโชยมาตามลม ก็ยิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้ม

ไม่น่าใช่อุปทาน, ดูเหมือนยิ่งผมเริ่มเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่า ‘ความเจริญ’ และอยู่ท่ามกลาง ‘เมือง’ ที่มีแสงสีเสียงโฉบเฉี่ยวฉูดฉาด, ตึกรามใหญ่โตอลังการมลังเมลืองอยู่รายรอบ ก็ยิ่งเริ่มรู้สึกว่าหนังตาข้างขวาของผมมันเริ่มหนักขึ้นๆ และหย่อนลงเรื่อยๆ

มันทำให้มองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดเอาเสียเลย