2/24/2009

ชชช. (ชักชวนไปช่วยชาติ)


1
เสาร์
Feb 28
อืมมมมมม...
คาดว่าน่าจะไปนะ
ใครสนใจก็ติดต่อมานะ
หมายถึง ติดต่อ 'ผม' มานะ
ไม่ได้ให้ไปติดต่อคุณพี่ 'มานะ'
บรรทัดที่ 4 และ 5 ทำลืมๆ ไปก็ได้นะ
ถ้าไปทางเดียวกัน จะได้ไปด้วยกัน โอเคนะ
ไปกันหลายๆ คนจะได้เป็นกลุ่ม เป็นก้อน เป็นคณะ
ที่เด็ดๆ คือเขาว่ากันว่ามีหนังกลางแปลงริมทะเลด้วยนะ
อีกอย่าง ทางงานเขาเชิญชวนให้แต่งตัวย้อนๆ (ยุค) ไปด้วยนะ

อ๊ะ! และสิทธิพิเศษสุดเลยสำหรับมิตรรักแฟน blog ทุกท่าน ง่ายๆ ครับ
เพียงแค่คุณพาคนเมามาลงชื่อแจ้งความจำนงว่าไป ใน comments ด้านล่าง
ผมจะทำการแสดง (Show) ความดีใจด้วยการใจดีออกค่าปี้ (Ticket) เข้างานให้ก็แล้วกันฮะนะ

ป๊ะ! ออกไปช่วยชาติกัน

2/16/2009

บัญชา มะระเฮ

คราวนี้มีเรื่องไร้สาระมาเหล้าสู่กันฟัง

เย็นย่ำวันนี้ผมมีเรียนทำอาหารกับบัญชา มะระเฮ— สหายหนุ่มจากตาคลี เมืองมังกรนครสวรรค์ ผมแวะเวียนมาหาบัญชาที่บ้านริมทะเลแห่งนี้ด้วยความคิดถึง

บัญชายังอยู่บางแสน แม้จะเรียนจบมาหลายปีแล้ว ด้วยเหตุผลเดียวคือ ‘ชอบ’
(ส่วนตัวแล้ว ผมว่าเหตุผลแค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วกระมัง กับการที่คนเราจะตัดสินใจอยู่ที่ไหนได้หลายๆ ปี และไม่ใช่แค่เรื่องสถานที่ เช่นกัน—ไม่ว่าสิ่งของ หรือสิ่งมีชีวิต ถ้า ‘ชอบ’ มันก็คือคำตอบแล้ว)
ส่วน case study ของเราวันนี้คือ “ปลาย่างเกลือ เอือ เอือ เอือ”

สิ่งที่ต้องเตรียม :-
1) เหล้าชุดเล็กหนึ่งชุด
2) ปลานิลตัวอ้วน โดยซื้อมาจากตลาดสดแถวนั้น
3) เตาอั้งโล่, ถ่าน, ไม้เกี๊ยะ (ไว้สำหรับจุดไฟ), ตะแกรงปิ้งย่าง, ใบตอง (ตัดเอาจากต้นกล้วยแถวนั้น)
4) หัวหอม, ผักชี, พริกป่น, น้ำปลา อันนี้ไว้ทำน้ำจิ้ม
5) กระเทียมกับเกลือ อันนี้เอาไว้ยัดใส่เข้าไปในตัวปลา

วิธีทำ :-
1) ก่อไฟ
2) เอาเกลือหนึ่งกำมือกับกระเทียมยัดเข้าไปในตัวปลาตรงช่วงท้อง จากนั้นห่อปลาด้วยใบตองที่ตัดมา เพราะจะช่วยให้หนังปลาไม่ไหม้ แล้วกลัดด้วยเข็มกลัดที่พอหาได้เอาจากแถวนั้น
3) ย่าง (ให้มันทะมัดทะแมงด้วย)
4) นั่งดื่มไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ รอสุก แล้วก็ทำน้ำจิ้มไปพลาง จิบเหล้าไปพลาง แล้วอย่าลืมพลิกปลาด้วยล่ะ
5) 555-5555 (หัวเราะแบบไทๆ)

ทีนี้สิ่งที่จะได้ในตอนที่พระอาทิตย์ตกดินแล้วก็คือ
ปลาย่างเกลือหอมฉุยร้อนๆ หนึ่งตัว
และเหล้าชุดเล็กเพิ่มอีกชุดไว้เพื่อกินแกล้มกับปลา

ครับ— อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้น
หาสาระใดๆ จากเรื่องที่เหล้าให้ฟังนี้ไม่ได้เอาเสียเลยจริงๆ

2/15/2009

自転車



เพลงนี้ชื่อ START ของ DEPAPEPE สองหนุ่มนี่เล่นกีต้าเมพ ขิงๆ
ฟังแล้วก็ให้คิดถึงบางแสนขึ้นมาจับใจ
ที่โน่นวันไหนแดดร่มลมตกและไม่มีเรียนทีไร เป็นต้องยืมจักรยานบัญชาไปปั่นเล่นรับแดดอุ่นอ่อนๆ ตอนเย็นๆ ริมทะเลทุกทีเลย พอฟ้ามืดค่อยกลับบ้าน (เช่า เก่าๆ) วันวานบนอานจักรยานที่ตำบลแสนสุขนั่นนั้นช่างแสน suki อี้มั่กมากกก~*

อ้อ ขอบอก— เพลงนี้เป็นไปได้ควรฟังแต่แค่เฉพาะตอนเช้าๆ วันอาทิตย์เท่านั้นน่อ ในวันทำการนั้นไอ้กระผมเห็นจะไม่เหมาะ
เพราะเพลงบางเพลงนั้นมันจะทำให้หัวใจเราเต้นแรงและพองโต
และมักอยากที่จะออกไปโต๋ข้างนอก

2/10/2009

NObi NObi


รูปใบนี้เป็นความตั้งใจของผมเอง ที่ลงทุนนั่งยองๆ รอคุณน้องหมานั่นเดินเข้ามา แล้วรอให้มันหันหัวเหลียวกลับไปมองทางเดิม ซึ่งถ้าคุณน้องหมานั่นหันขวา มันจะลงตัวทีเดียว และมันก็ดันหันให้จริงๆ เหมือนได้ยินสิ่งที่ผมคิด ผมกดเก็บรูปนี้ไว้ด้วยความเก็บกด เพราะต้องนั่งรออยู่หลายนาทีจนนิ้วชี้ที่ทำหน้าที่กดชัตเตอร์งี้เกร็งไปหมด

ถ่ายเสร็จ ผมตั้งชื่อรูปใบนี้ว่า “Nobi Nobi” (のび のび) ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “แบบบ้านๆ” หรือ “สบาย สบาย” โดยมีการลำพองในใจลึกๆ ว่า “โคดอ๊าด” เลย (Extremely Art: อันนี้แปลเอง^^) และก็เป็นความชอบส่วนบุคคลล้วนๆ งาน (ที่ผมคิดเอาเองว่า) อ๊าดแบบนี้ต้องคนตาถึงเท่านั้นถึงจะเข้าตา ก่อนที่จะล่วงเลยเข้าใจ

วันนั้น— จากที่นั่งคุยกันครู่ใหญ่ จู่ๆ เธอก็หยุดคุยแล้วลุกขึ้น เดินเข้ามาเดินวนรอบผมหนึ่งรอบครึ่ง แล้วเธอก็หมุนมือวนเป็นวงบอกให้ผมทำตามแบบ โดยให้เดินวนรอบเธอบ้าง ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย และเป็นที่รู้กันโดยนัยว่าเราทั้งคู่ต่างก็ต้องหมุนวนรอบตัวเองอยู่กับที่อีกรอบก่อนที่จะนั่งลง และเธอก็ติงขึ้นว่า “ถ้าไม่มีหมา รูปนี้จะสวย” หลังจากละเลียดหลายสิบรูปที่ผมถ่ายไว้

ตลกร้ายเหมือนหนังพี่น้อง Coen ดี ว่ามั๊ย?

ในวันที่น้ำแข็งขั้วโลกยังคงละลายอย่างต่อเนื่อง
ในวันที่การเมืองไทยกำลังจะคลี่คลาย (หวังว่านะ)
ในวันที่ปายนั้นคือจุดหมายของครายต่อคราย
ผมพอใจที่ได้เจอะเจอกับคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน
ยกเว้นสัตว์สี่ขาที่เรียกว่าคุณน้องหมาตัวนั้น
.
.
.
แต่.. เฮ้ย! หมายความว่าไง วันนั้นเธอให้ “กล้วย” ผมด้วยนี่หว่า!!