12/11/2013

จดหมายเหตุกาแฟ

“เอากาแฟสดมั้ย” 
แม่ไอ้รันถามมาในตอนที่เราจัดการปลาดุกย่างกับสะเดาลวกเรียบร้อยและรวบช้อนแล้ว 
สมการแห่งความอร่อย— จากที่ขรมปร่า สะเดาก็กลมกล่อมเมื่อเจอกับปลาที่ว่า

ผมกับไอ้ไฝมาดอนเจดีย์ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อร่วมงานฌาปนกิจ หลังทราบข่าวการจากไปของน้องชายศรันย์มัน (อันจะเล่าถึงในคราวต่อไป) เรามาด้วยใจที่หมายจะไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับผู้วายชนม์ หลังจากปลงศพแล้วเสร็จ เราก็ปลงใจตกลงค้างที่บ้านมันเมื่อคืนแทนที่จะลากลับเลย แหม...ก็รสชาติปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมกับบรรยากาศริมแม่น้ำท่าจีนที่ศรีประจันต์มันดีเยี่ยมขนาดนั้น ก็เลยพาเราหมดรีเจนซี่ไปสองแบนแบบเบาๆ จนต้องกลับมาต่อกันอีกหน่อยที่บ้านงาน โทษฐานที่แนะนำร้าน

“เนี่ย พวกครูที่โรงเรียนเขาชงมาให้ตั้งแต่วันก่อน ยังเหลืออยู่ เอามั้ย เดี๋ยวแม่จะชงให้”
แม่พูดไปพลางก็เปิดช่องฟรีชไปพลาง เอากาแฟ (สด) เย็นที่มัดใส่เป็นถุงๆ เรียบร้อยแล้วออกมา เราเห็นกันไม่ถนัดแต่ก็รู้ได้ในทันทีเช่นกันว่าแข็งเป๊ก “เอานะ เดี๋ยวแม่ไปละลายน้ำอุ่นให้”

“โอ้ย กาแฟสดของแม่น่ะมันหว้านหวานเสียเหลือเกิน หนูนะต้องผสมน้ำเพิ่มเข้าไปตั้งเบิกแน่ะกว่าจะกินได้”  พี่สาวไอ้รันที่ล้างจานอยู่ในครัวเริ่มส่งเสียงโหมโรง
“จะเติมน้ำเข้าไปให้มันได้อะไร สูตรเขามาแบบนั้นก็ต้องคงสูตรเขาไว้แบบนั้น จะไปเพิ่มไปลดอะไรของเขาน่ะมันไม่ได้ จะให้มันไปเหมือนอย่างที่เราชอบเสียหมดมันได้ที่ไหน” แม่ว่า
“แล้วอีกอย่าง แม่ก็ไม่เห็นว่ามันจะหวานอย่างที่แกบอกตรงไหนเลย” แม่ว่าต่อ
“โอ้ย ใครกินเขาก็บอกว่าหวานกันทั้งนั้นแหละแม่ สูตรกาแฟแม่น่ะ” 
ยังมีการโต้คารมกันต่ออีกเล็กๆ น้อยๆ แต่ถึงตอนนี้พ่อที่นั่งอยู่ด้วยกันกับเราก็ปลีกตัวออกไปข้างนอกบ้านอย่างเงียบๆ แม่เทกาแฟที่ละลายให้เราด้วยน้ำอุ่นลงไปในแก้วที่ใส่น้ำแข็งรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเดินถือมาให้เรา “เอ้า กินดูลูก”

เรากล่าวขอบคุณ ไอ้ไฝดูดเข้าไปอึกใหญ่แล้วบอกว่า แหม่..เข้มข้นดีจัง ส่วนผมรอสักพักพอเป็นพิธีก่อนจะดูดบ้าง ผมเป็นแบบนี้ ชอบรออะไรหลายๆ อย่างอย่างละนิดอย่างละหน่อยให้พอหอมปากหอมคอ
...แล้วดูดด้วยกระหาย

หวานบรม

ไม่ได้พูดออกไปดอกนะ แต่แค่แปลกใจที่ทำไมหนอแก้วไอ้ไฝกับแก้วผมมันไม่เหมือนกัน

เราเดินถือแก้วกาแฟออกมาเดินกินรับอากาศเช้าข้างนอกบ้าน พ่อไอ้รันกำลังเก็บข้าวของโน่นนี่ที่หลงเหลือจากงานให้เรียบร้อยอยู่ในโรงเก็บของโดยมีโอเลี้ยงวิ่งเล่นอยู่รอบๆ น้องแอลหลานมันก็อยู่ข้างนอกนี่ด้วย เจี้อยแจ้วสำเนียงเสียงแบบสุพรรณเล่นกับไอ้รันอยู่อีกทาง พ่อไอ้รันนั้นผมแกขาวทั้งหัวมาหลายปีแล้ว ผมไม่ค่อยเห็นคนผมขาวทั้งหัวที่ดูดีแบบพ่อเท่าไหร่ อาจเพราะแกดูเป็นคนสุขภาพดี

อากาศยามเช้าที่นี่เย็นสบาย เพราะเป็นบ้านที่ปลูกอยู่ท่ามกลางสวนมะม่วงจากน้ำพักน้ำแรงพ่อนั่นแหละ มีเสียงนกร้องคลอโรยอยู่บางๆ รอบๆ บ้าน จามจุรีต้นใหญ่แผ่ร่มเงาปกคลุมให้ความรื่นรมย์ไปทั่วบริเวณ พ่อเล่าว่าแกเอามาลงตั้งแต่ยังเป็นกล้าเมื่อสามปีก่อน แล้วมันก็โตวันโตคืนด้วยดินอันอุดมผืนนี้ ผมกับไอ้ไฝเดินไปทางพ่อหวังจะชวนแกคุย หรือไม่ก็ช่วยงาน หรืออะไรก็ได้ บังเอิญว่ามีขวดน้ำเปล่าจากเมื่อคืนวางอยู่ตรงนั้นพอดี ผมเองไม่รีรอที่จะหยิบขึ้นมาดื่มบรรเทาความหวานที่ได้มาจากในบ้านเมื่อครู่

“ขอกูด้วย” ไอ้ไฝกวักมือหยอยๆ ขอแบ่งน้ำขวดต่อจากผม
“แม่งหวานฉิบหาย” มันว่า
“อ้าว ไอ้ห่ะ ไหนในบ้านมึงบอกว่ารสเข้มข้น กูก็นึกว่า”

พ่อไอ้รันลุกเดินมาทางเราแล้วก็ส่งยิ้มให้พร้อมกับลังข้าวของที่ประคองอยู่ในมือ
“แม่ลูกเขาชงกันประจำแหละ” แกได้ยินทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม

โอย...ผมนี่หัวร่องอหาย 
เรื่องนี้โคตรเจ๋ง!


_________________
ป.ล. เขียนถึงครอบครัวแพอ่อนด้วยเคารพรัก