10/25/2007

รู้จักฉัน รู้จักเธอ

เนื่องจาก Blog นี้จะต้องกลายเป็น Blog ร้างชั่วคราว เนื่องจากคนดูแล Blog
จะต้องไปเปิดหูเปิดตาในต่างแดนสักระยะ แต่ไม่อยากให้ฝุ่นเกาะหรือหยากไย่ขึ้นตามซอกมุมของ Blog นี้ เป็นเวลาเดียวกันที่น้องคนหนึ่งแนะนำให้เข้าร่วมโครงการ "ฝาก Blog ไว้กับตำรวจ" เวลาไม่อยู่ดูแลมัน แต่เนื่องจากช่วงนี้แวดวงตำรวจไทยก็มีการโยกย้ายกันบ่อยเหลือเกิน กลัวว่าจะมัวแต่โยกย้ายกัน ไม่มีเวลามาดูแลปัดกวาดให้ จึงเห็นควรว่าต้อง "ฝาก Blog ไว้กับคนผ่าน"
น่าจะดีกว่า

จึงอยากเชิญชวนผู้ที่ผ่านแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมทั้งเก่า-ใหม่ ในช่วงที่คนดูแลไม่อยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบประจำ หรือแบบไป-กลับ
แบบชั่วคราว หรือแบบค้างคืน
แบบแฟนขับ หรือแบบขับเอง

จะแบบใดก็ตาม หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนให้มา 'ment (Comment)
กันให้หน่อย หรือแค่ทักทาย say hi กันก็ตามสะดวก
ชอบ-ไม่ชอบเรื่องไหน, ชอบ-ไม่ชอบภาพไหน
บอกกล่าวติชมกันบ้าง

ส่งเสียง- ขีดเขียนทักทายกันหน่อยนะ นึกเสียว่าซ้อมใช้สิทธิ์กันตามที่รัฐบาลนี้เขารณรงค์กัน ให้สิทธิ์ให้เสียง ให้เขียนเต็มที่เลย

เสียงและสำเนียงเหล่านั้นคงช่วยให้ Blog นี้ยามไร้คนดูแลไม่ร้างจนเกินไป

ผ่าน (หรือหลง) เข้ามาแล้ว ก็อย่าผ่านเลยไปเฉยๆ ล่ะ

เราจะได้รู้จักกัน, รู้จักฉัน รู้จักเธอ

.............

ปล. ทิ้ง E-mail address ไว้ด้วยนะครับ แล้วจะส่ง Wallpaper (ที่คิดเอาเองว่า) สวยๆ ไปให้เป็นการตอบแทน ในฐานะที่รู้จักกัน^^

10/17/2007

ตั๋ว - ตัวตน


- มีคนจำนวนมากออกเดินทางเพื่อแสวงหาตัวตนของตัวเอง ทำไมเราถึงเจอตัวตนของตัวเองได้จากการเดินทางล่ะครับ

“ตัวตนของเราไม่ได้รวมศูนย์อยู่ที่ตัวตนของเราเท่านั้น ตัวตนของเราคือความสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย ซึ่งเราจะพบไม่ค่อยได้ถ้าเราอยู่ที่เดียว เราต้องไปหา ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดี เราก็จะมีตัวตนที่งดงาม ถ้าเรามีคนที่รักกันพึงพอใจกัน เราก็จะมีชีวิตที่งดงามที่น่าอยู่ต่อไป...

“ตัวตนที่สวยงามมันจึงตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนมนุษย์และสัตว์อื่น”

ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ผู้เขียน ‘เดินสู่อิสรภาพ’ หนังสือบันทึกเรื่องราวการเดินทางด้วย ‘เท้า’ ตลอด 66 วัน จากเชียงใหม่สู่เกาะสมุย โดยที่ไม่ติดต่อกับคนรู้จัก และไม่ใช่เงินสักบาท สัมภาษณ์โดยทรงกลด บางยี่ขัน ในนิตยสาร a day ฉบับที่ 79

.............

วันหนึ่ง- ใครบางคนอาจจะพบกับตัวตนที่งดงามนั้นเข้าบ้าง

วันนั้น- หวังว่าคงอีกไม่นาน

วันนี้- แม้ฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ แต่ใครบางคนแถวนี้ก็ตีตั๋วเข้าอย่างจัง!

10/11/2007

ยิ้มนาสติก


เธอชื่อ ‘น้องฟ้า’
น้องฟ้าเป็นลูกสาวของซาร่า
ซาร่าเป็นเพื่อนของฉัน
วันทั้งวันฉันชอบเล่นกับน้องฟ้า

น้องฟ้าไม่ชอบกินหญ้า
น้องฟ้าไม่ชอบกินหมา
น้องฟ้ากินแต่ปลา
“ฟ้าไม่กินหญ้า ฟ้าไม่กินหมา ฟ้ากินปลา กินปลา ปาดีดั๊บ ปั๊บ ปา”
(ร้องพร้อมกัน)

ฉันรักซาร่า
ซาร่ารักน้องฟ้า
น้องฟ้ารักฉัน
เราสามคนรักกันและกัน ทุกวันๆ

แม้วันนี้ฝนตก
แม้ถนนหนทางจะสกปรก
รักเราเริ่มรกรวนเรรุ่มร่ามรุงรังร่ำไร
แต่อะไรๆ ก็คงไม่สำคัญ...
ในเมื่อฉันมี ‘น้องฟ้า’ ทุกวันๆ เย้ เย...

(ซ้ำทั้งหมดอีกครั้ง)

10/09/2007

La Scala






Design
La Scala is a triumph of innovative interior design.
Creating a setting that is contemporary and complementary to Thailand's heritage to serve classic Italian cuisine was a challenge to interior designer Yasuhiro Koichi, of Design Studio SPIN in Tokyo.
Expectations have been more than surpassed in this remarkable new restaurant.

Cuisine
Italian food that is classic, and yet exciting and tempting to the palate, puts the menu of La Scala in a class of its own.
Just as the design and decor unite the contemporary with a Thai cultural context, so the cuisine presents pure traditional recipes with unparalleled creative flair.

Wines
In keeping with the attention to detail that makes La Scala so special, great care has been taken to ensure that the wines present the best choices to match menu selections, as well as to represent fully the best of Italy.

Atmosphere
Subtle, unobtrusive and yet finely attuned to the rhythms of the day, music at La Scala is perfectly pitched to accompany fine dining.

Essentially, the music offers a broad range of jazz, featuring well-known names, such as Oscar Peterson, as well as other, less familiar, more contemporary artists.

10/05/2007

ตามนั้นเลย


เสียงจากปลายสายค่อนข้างเข้มและเคร่งเครียด บ่งบอกถึงว่าผู้พูดนั้นอาจไม่ได้มีอาการเบิกบานสำราญใจเท่าใด
“พี่ถูกจ้างออกว่ะ-” นี่คือบทสรุปเนื้อหาของบทสนทนา
นอกจากนั้นก็เป็นสาเหตุกับรายละเอียดปลีกย่อย และภาษาดอกไม้ทั้งหลายแหล่ที่เหน็บแซมตามช่องเว้นวรรคของบทสนทนาฟังแล้วช่างดึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้ฟังให้พวยพุ่งอย่างยิ่งยวด

รุ่นพี่ที่รู้จักนับถือกัน ซึ่งวนเวียนว่ายอยู่ในแวดวงโฆษณาโทรมาคุย (เชิงระบาย) กับผมในช่วงสายของวันสบายๆ วันหนึ่ง
สาเหตุหลักคือทำรายได้ให้กับทางบริษัทไม่ตรงตามเป้า

นั่นอาจหมายถึงความไม่แน่นอนในหน้าที่การงานใช่หรือไม่? ผมถามตัวเอง
น่าจะเป็นแบบนั้น- ผมตอบไอ้คนที่ถามตัวเองเมื่อบรรทัดที่แล้ว

รุ่นพี่ให้เหตุผลต่อในสาเหตุรองลงมาว่าในสายงานของแวดวงโฆษณานั้น ชิ้นงานและไอเดียของคนรุ่นใหม่ๆ ดูเมือนจะ ‘สด’ กว่า ‘กล้าแหวก’ ‘กล้าแปลก’ และ ‘กล้าแตกต่าง’ กว่า มันดูน่าสนใจกว่างานของคนรุ่นเก่าๆ ที่พอยิ่งเห็น และรับอะไรมามากเข้า ก็ยิ่งมีข้อจำกัดในการสร้างสรรค์งานมากตามไปด้วย คล้ายกับว่า ‘ความจริง’ บางอย่างมันมาอุดตันปิดกั้นการบรรเจิดของความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดีย ยิ่งไม่น่าจริงยิ่งเป็นไปได้ค่อนข้างยาก

เห็นท่าจะจริง- ผมตอบตัวเองอีกครั้งโดยไม่ต้องมีใครถาม

น่าเห็นใจรุ่นพี่ผมอยู่ไม่น้อย- แต่ใครบ้างเล่าที่จะอยู่ยืนยงไปตลอด

.........

ได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง Stardust มา จากการอนุเคราะห์ตั๋วภาพยนตร์ จากพี่สาวแสนสวย ตัวภาพยนตร์ก็ดูสนุกสนานคลายเครียด ออกแนวแฟนตาซีหลุดโลกดี ทีเด็ดอีกอย่างในเรื่องคือดันจับเอาคุณตาสุดหล่อโรเบิร์ต เดอ นิโร มาสวมบทบาทหัวหน้าโจรสลัดแอ๊บแบ๊วซะนี่! กลายเป็นสลัดตั๊ดสู้ฟุตไปซะงั้น!

ฉากหนึ่งในตอนท้ายของเรื่อง นังแม่มด (ใช้ ‘นัง’ ดูได้อารมณ์ตัวร้ายดีเนอะ!)
ต้องการหัวใจของนางเอกสาวสวยซึ่งเป็นดวงดาวซึ่งตกลงมาบนพื้นพิภพ เพื่อที่นังแม่มดจะได้มีชีวิตอมตะ พร้อมๆ กับพี่น้องนังแม่มดอีกสองนัง แต่อนิจจา- พี่น้องสองของนังแม่มดโดนพระเอกส่งกลับบ้านเก่าเรียบร้อยเสียแล้ว นังแม่มดจึงตัดสินใจปล่อยนางเอกด้วยเหตุผลที่ว่า หากตัวนังเองมีชีวิตอมตะโดยปราศจากพี่น้องทั้งสองนั้น มันก็ไร้ค่า การที่ต้องอยู่เป็นอมตะอย่างโดดเดี่ยว ย่อมเดียวดายและไร้ซึ่งความหมายต่อการมีชีวิตอยู่อย่างที่สุด
(แม้ว่าหลังจากนั้นนังจะเปลี่ยนใจก็ตาม แหม-เกือบจะไม่ต้องใช้ ‘นัง’ แล้วเชียว)

น่าจะจริงดังนังแม่มดว่า

10/01/2007

Hanuman the Mighty












At the order of Phra Isuan (Isvara), Phra Pai shoots Phra Isuan’s divine power and weapons into Sawaha’s mouth. Phra Isuan wishes her to give birth to a son who can help Phra Ram (Rama)

On Tuesday in the third month of the Year of Tiger, Sawaha gives birth to a white monkey – Hanuman, with four faces and eight arms. His hair is diamonds and his fags are crystal. He magically yields stars, the moon and the sun from his mouth when he yawns. Sawaha orders her son to join in the army of Phra Ram – an incarnation of Phra Narai.

While flying in the sky, Hanuman spots a garden owned by Phra Uma (Phra Isuan’s consort). There, he recklessly eats and throws fruits. His misbehavior enrages Phra Uma, who cures him, reducing his power by half. She says the curse will vanish only after he meets
Phra Ram and he touches Hanuman’s back thrice.

Once the chief warrior Hanuman volunteers to survey routes to Longka City. Phra Ram asks Hanuman to take a ring and breast cloth to Sida (Sita), Phra Ram’s consort.

When Hanuman meets Sida, she is about to hang herself, so he rescues her. He asks refuses in case scandalous words are spread. Thus, Hanuman is asked by Sida to tell Phra Ram to rescue her. Hanuman gives her his promise. Before leaving Longka City, he kills Sahaskuman, Tosakanth’s 1,000 offsprings.

Hanuman volunteers to bring a box of Tosakanth’s heart, which is kept by Kobut Richi, to Phra Ram, and asks the Richi to take him to Tosakanth. By Hanuman’s spell, the Richi gives Hanuman the demon’s heart. Hanuman pretends to submit himself to Tosakanth,
so the demon king adopts him as his son.

During the battle, Phra Ram shoots Prommas arrow to kill Tosakanth, and Hanuman destroys Tosakanth’s heart and ends his life. Thus, Phra Ram wins the battle and appoints Hanuman “Phraya Anuchit Chakkrit Pipatpongsa” then sends him off to rule Nopburi City.

More details visit: www.salachalermkrung.com