12/17/2007

เดินเฉียงๆ - เชียงดาว


การเดินเฉียงๆ มักไม่เกิดกับผมบ่อยครั้งนัก

ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ เพียงแต่แค่อับจนด้วยเวลาของสหายแต่ละคนที่ไม่ตรงกันสักที และมันก็นานเสียจนหลงลืมไปแล้วว่านานแค่ไหน ลองนึกทบทวนไล่เรียงดูก็ตั้งแต่เมื่อครั้งวัยละอ่อนสมัยยังต้องนั่งท่องตารางธาตุ “ลิเบบคนอฟนีออน”
(Li Be B C N O F Ne ) อยู่ปาวๆๆ ในวิชาเคมี ตามเทคนิคของเพื่อนผู้ท่องก่อนที่บอกว่าจะได้จำง่ายๆ ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ยังจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ตอนชั้นมัธยมปลาย ครั้งนั้นผมและเพื่อนอีกเจ็ดนาย ไปเดินเฉียงๆ กันที่ภูกระดึง จังหวัดเลย มันเป็นการเดินเฉียงๆ ครั้งแรก และก็เป็นครั้งล่าสุดของผม ซึ่งมันก็เจ็ดปีล่วงมาแล้ว นึกๆ ดูผมยังจำอาการหอบจับพวกเราที่ ‘ซำแฮก’ ได้อยู่เลย (ใช่, อยู่เลย) จวบจนมาถึงทริปเดินเฉียงๆ ที่ดอยหลวงเชียงดาว

ความสนุกสนานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน, เปียกปอนไปด้วยเหงื่อไคลเคล้าเสียงหัวเราะ, เสียงร้องเรียกถามไถ่กันและกันของมิตรสหาย, รสชาติอาหารและกาแฟต้มบนดอยที่ใครไม่เคยลองคงไม่มีทางทราบอย่างแน่นอนที่สุดว่ามันอร่อยชนิดที่อาหารทั้งหลายบนพื้นคอนกรีตด้านล่างเทียบกันไม่ได้เลย เรียกว่าทิ้งห่างความอร่อยกับแบบ ‘ไม่ติดฝุ่น’ เลยจริงๆ และสุดท้ายกับการยืนกอดอกสั่นเทาเทิ้มยามค่ำคืนไปกับอากาศอันหนาวเหน็บบนยอดดอยยามค่ำคืน

ความรู้สึกแบบนั้นมันหวนกลับมาอีกครั้ง

.........

ในระดับความสูง 2,275 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางของดอยหลวงเชียงดาว ภูเขาหินปูนสูงทะมึนตั้งตระหง่านเป็นสง่าอย่างสงบอยู่บนเส้นทางเชียงใหม่ - ฝาง ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวนี้สูงเป็นอันดับสามของประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก เราต้องใช้เวลาทั้งสิ้นสามวัน สองคืนบนนั้น โดยเริ่มเดินขึ้นจากเส้นทางปางวัว – อ่างสลุง ระยะทางราว 6.5 กม. ซึ่งต้องแวะพักตรงจุดกางเต้นท์ดงไผ่หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นค่อยเดินต่อไปยังจุดกางเต้นท์อ่างสลุง นอนบนนั้นอีกหนึ่งคืน ซึ่งเป็นจุดกางเต้นท์สูงสุดของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งในจุดนี้คุณจะรู้และเข้าใจว่าทำไมคนท้องถิ่น และคนเก่าแก่ที่นี่เรียกดอยหลวงเชียงดาวในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เพียงดาว’
และเดินทางกลับทางเส้นทางอ่างสลุง – เด่นหญ้าขัดอีกราว 7 กม. ในยามสายๆ ของวันสุดท้าย

ผมและสหายแซวกันเล่นๆ ว่าสมาชิกการเดินเฉียงๆ ครั้งนี้คล้ายกับหมู่ลูกเสือเดินทางไกลอยู่เหมือนกัน จากที่เห็นและเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสมาชิก จากแรกเริ่มเดิมทีที่สมาชิกร่วมทริปครั้งนี้เกือบไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำไป แต่สุดท้ายเราสรุปจำนวนก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวันว่าสิบสองคนถ้วน! และการเดินแถวภายใต้การนำทีมโดย ‘พี่แอ’ คนนำทางของเรา โดยมี ‘นู๋น้ำ’ รับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าหมู่ และก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ผมและสมาชิกจึงแค่เพียงปฏิบัติหน้าที่เป็นลูกหมู่ที่ดี โดยการเดินเฉียงๆ อย่างเชื่องๆ จนถึงเชื่องช้าในบางจังหวะ

พืชพรรณจำพวก ‘อัลไพน์’ มีให้เห็นอยู่ตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นชมพูพิมพ์ใจ, เทียนนกแก้ว, ค้อเชียงดาว หรือปาล์มรักเมฆ, ขาวปั้น, ฟองหินเหลือง, หญ้าดอกลายสีม่วง ฯลฯ วิวทิวทัศน์ตามเนินและสันเขาช่างสวยงามน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ในบางขณะผมก็รู้สึกสัมพันธ์สัมผัสถึงการเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่งรอบๆ
หากคุณลองได้ยืนอยู่ท่ามกลางขุนเขาอันยิ่งใหญ่แล้วคุณจะกระจ่างเอง ว่าสำหรับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่แล้ว เรามันก็แค่นั้น ยังมีหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เป็นไป โดยที่หากไม่พบเจอเองด้วยตาเปล่า อธิบายอย่างไร คงไม่มีทางเข้าใจ

“ปลาไม่เคยเห็นป่าฉันใด เก้งกวางก็มิอาจล่วงรู้ถึงโลกใต้ทะเลอันลึกล้ำฉันนั้น”
ปราชญ์บางท่านกล่าวไว้แบบนั้น
คงไม่มีวิธีอื่นใดดีไปกว่าการมาเห็น, รู้สึก และสัมผัสเอง

.........

ในห้วงยามที่ตะวันชิงพลบไปแล้ว ท่ามกลางสภาพอากาศอันเหน็บหนาวบนยอดดอยหลวง คาดว่าราวสี่ – ห้าองศาโดยประมาณ ซึ่งปกติอากาศหนาวขนาดนี้มันหนาวเกินไปสำหรับคนธรรมดา เพียงแต่สองคืนบนนั้น ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอยู่ลึกๆ

คงอาจเพราะได้ผ้าห่มชั้นดีที่ถักทอด้วยดวงดาวที่ระยิบระยับนับล้านๆ ดวงบนฟากฟ้าโอบคลุม กอปรด้วยมิตรภาพที่มีอยู่รายรอบ ในทุกๆ ครั้งที่ตื่นลืมตา มองหน้าและพูดคุยแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้กันและกัน เคมีภายในของใครบางคนก็ทำปฎิกิริยากับมหัศจรรย์ธรรมชาติข้างบนนั้น และหลั่งความรู้สึกอิ่มเอมเป็นสุขใหลล้นออกมาอย่างเหลือคณา พลอยให้เหล่าสมาชิกในหมู่รู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขไปด้วย

หากยามค่ำคืนบนดอย มีเพียงแค่หมู่ดาว แต่ไร้ซึ่งหมู่เรา
ความเหน็บหนาวนั้นก็ดูจะโหดร้ายเหลือเกิน

หากแต่ยามค่ำคืนบนดอยเพียงดาว นั้นมีหมู่ดาว และหมู่เรา
ความเหน็บหนาวนั้นก็ไม่อาจทำร้ายกันจนเกินไป

และแม้ช่วงชีวิตปัจจุบันจะไม่มีเรื่องราวต่างๆ นานาให้ต้องท่องจำอีกแล้ว

สำหรับในทุกๆ เรื่องราวของการเดินเฉียงๆ ที่เชียงดาว

มันไม่จำเป็นต้องท่องให้เสียเวลา

3 comments:

Anonymous said...

การร่วมเดินทางไปกับมิตรสหายอันเป็นที่รัก ทำให้ความกดอากาศต่ำพาดผ่าน ส่งผลให้อุณหภูมิที่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจขณะนั้นสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

Anonymous said...

รอที่จะอ่านมานาน...ไม่ผิดหวังจริงๆ

prawit said...

ขอบคุณบทความดีๆ ให้อ่านกัน