10/20/2008

ดอกเดียว


ประทับใจอะไรหรือ?
หญิงสาวถามผมหลังจากที่ทราบข่าวเข้าหูขวาของเธอ ว่าผมไปนอนกลิ้งและเกลือกกลั้ว ใช้ชีวิตมั่วๆ อยู่ที่ลันตามาเสียหลายวัน

ขอข้ามไปไม่พูดถึงเรื่องความงามของอันดามัน และแสงอัสดงของสุริยาที่ลาลับโลกตรงเส้นแบ่งระหว่างฟ้ากับน้ำนั่นก็แล้วกัน
เพราะนั่นมันเป็นเรื่องของความมหัศจรรย์ เกินที่จะเอื้อนเอ่ยบรรยาย

“น่าจะเป็นสไลด์” ผมนึกสักพักก่อนตอบเธอไปอย่างนั้น
และดูเหมือนว่าสิ่งที่ชัดเจนและอบอวลอยู่ในความทรงจำนอกเหนือไปจากความงามของธรรมชาตินั้น ก็เห็นจะเป็นสิ่งที่ผมตอบเธอไป

………

ขณะกำลังนั่งละเลียดฟองเบียร์อยู่ที่บาร์ริมหาด แกล้มกับเสียงคลื่นที่กำลังซัดสาดเข้าหาฝั่งยามค่ำคืน
บางห้วงบางตอนผมก็อดไม่ได้ที่จะนั่งหมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งซัดเข้ามาในชีวิตจนเปียกปอน และก็พบว่ามันน่าเจ็บใจนัก ที่ไม่สามารถเก็บรักษาความสุขและเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีให้คงอยู่และยาวนานกว่านั้น เพราะด้วยความอ่อนด้อยในการจัดการชีวิตของตัวเอง

คงโวยวายและโทษใครไม่ได้
นอกจากตัวเอง
และจะทำอย่างไรได้อีก
นอกจากทำใจ ไม่ใช่ดื้อด้านฟูมฟาย

พี่เดียว- พนักงานที่ร้านนั้นคงเห็นพฤติกรรมอันไม่ชวนมองของผมเข้า แกจึงเข้ามาชวนคุยด้วย แกถามผมว่าชอบถ่ายรูปหรือ คงเพราะแกเห็นหนอนตัวนั้น (กล้อง canon ของผมมันชื่อเล่นว่า “หนอน” ชื่อเต็มๆ คือ “หนอนทอง” ) ที่นอนนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ข้างๆ
พอผมพยักหน้ารับ พี่แกก็หายวับเข้าไปทำตัวลึกลับอยู่ในเคาท์เตอร์บาร์ ชั่วครู่แกก็กลับมาพร้อมกับสไลด์ที่ใส่กรอบไว้เรียบร้อยแล้วประมาณ 20 อัน พร้อมกับยื่นให้ผม

“ดูให้หน่อย” แกบอกพร้อมเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนนั้นแกก็ชอบถ่ายรูป และเคยเข้าไปเรียนถ่ายรูปที่กรุงเทพฯ มาอยู่หลายปี ซึ่งสมัยนั้นมันต้องถ่ายด้วยฟิล์ม และสไลด์เหล่านี้ก็เป็นผลงานของแกเองที่เก็บไว้ (แกบอกติดตลกว่าเรียนอยู่หลายปี แต่เอาดีไม่ค่อยได้)

เข้าใจดีเลยแหละครับ ว่ารูปหรือภาพที่ถ่ายมานั้นจะมี ‘คุณ’ และ ‘ค่า’ ก็ต่อเมื่อมันได้ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวบางอย่างในนั้นกับใครก็ตามสืบต่อไป ถ้าใครก็ตามนั้นเกิดอาการ ‘โดน’ ก็เป็นอันสมบูรณ์ จึงไม่แปลกใจเลยที่พี่แกอุตส่าห์ไปค้นไปหามาให้ผมช่วยดูให้แก

ผมหยิบสไลด์ของพี่เดียวส่องดูกับแสงอุ่นๆ ของเทียนแท่งที่วางอยู่บนโต๊ะที่ละอันๆ จนครบ สังเกตว่ากว่าครึ่งนั้นเป็นภาพของดอกไม้ จึงถามแกไปว่าชอบดอกไม้หรือ

พี่เดียวยิ้มแย้มฟันขาวให้เห็น ดูขัดๆ กันกับบุคลิกของพี่แกยังไงไม่รู้
ชายฉกรรจ์ปั่นเดทร็อกมัดรวบไว้ด้านหลัง นุ่งกางเกงเลสามส่วน สวมเสื้อยืดสีขาวสบายๆ พับแขนอวดให้เห็นรอยสักที่ต้นแขนอยู่รำไร รอบคอและข้อมือเต็มไปด้วยสร้อยและกำไลหลากสี
“ชอบที่มันหอม” แกว่าอย่างนั้น
“ไงล่ะ, โดนสักดอกบ้างมั้ย?”

ผมตอบแกตามที่เห็นไปว่าชอบภาพที่แกถ่าย และก็โดนใจอยู่หลายดอกทีเดียว
แต่กว่านั้นมันเป็นเรื่องของสัมผัสและความรู้สึกมากกว่า
เพียงสัมผัส ผมก็รู้ว่าสไลด์ภาพพวกนี้มันมี ‘กลิ่น’ จริงๆ
มันเป็นกลิ่นของความทรงจำลางๆ ของผมที่เริ่มจะเจือจางลงเรื่อยๆ
เรื่องราวหลากหลายมากมายในวันวาน
ร้อยแปดที่เปี่ยมแน่นด้วยเนื้อหาสาระ และพันเก้าที่เหลวไหลไร้แก่นสาร
ทั้งหวานชื่นและขื่นขม

กับบางกลิ่นในชีวิต เชื่อเถอะว่ามันไม่เคยจางหาย

ต้องขอบคุณภาพถ่ายของพี่เดียวแก โดยเฉพาะภาพดอกรักของแกดอกนั้น
อย่างน้อยเรื่องราวที่ตกค้างอยู่ตามกิ่งก้านของความทรงจำและใต้กลีบใบของหัวใจมันเริ่มจะโชยกลิ่นอ่อนๆ หวนกลับขึ้นมาหอมทีละนิด ทีละนิด

ไม่ถึงกับฉุน แต่ละมุนละไม

5 comments:

Insomniac said...

ตั้งแต่ออกจากงานนี่ รู้สึกว่าถ่ายรูปก็สวยขึ้น เขียนอะไรก็น่าอ่าน...เฮ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิ

Anonymous said...

ไร่เลย์ไกลพอที่จะฟังเสียงหัวใจหรือเปล่านะ

Anonymous said...

ไม่ธรรมดาจริงๆ

The "OTORI" said...

และแล้วก็รู้เหตุผลของการไปไร่เลย์แล้ว

Anonymous said...

tsukoi!!!!!
the best
สุดยอด
ดอกเดียว
แก้วเดียว..แล้วพี่ทิ้งไว้ให้ผมทั้งชุด..อ่ะ