3/16/2009

北の教室


ในทีแรกกะว่าแค่จะหยิบมาเก็บไว้เฉยๆ เพราะรู้มาว่ามาจิใช้รูปที่ผมถ่ายนั้นลงประกอบคอลัมน์ด้วย แต่พอได้อ่านเรื่องที่มาจิเขียนลงนิตยสารภาษาญี่ปุ่นแจกฟรี DACO (จากการแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นไทยให้อีกทอดหนึ่งของคุณน้อง babyshamPOO — ขอบคุณมาก) แล้วเห็นว่ามาจินั้นเขียนถึงพี่น้องชาวไทยภูเขาในประเด็นที่น่าสนใจเอามากๆ อยากให้คน (ไทย) พื้นราบอย่างเราๆ ได้อ่านกัน หากจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง

ฉบับที่อยู่กับผมนั้น เป็นตอนที่ 13 แล้ว สำหรับคอลัมน์ “ห้องเรียนทางเหนือ”
(北の教室) ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

.........

รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าแปลงสัญชาติไทยให้แก่ชาวไทยภูเขา ซึ่งกฎหมายไทยฉบับปัจจุบันระบุไว้ว่า ผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยก่อนปี 1985 หรือผู้ที่พำนักในประเทศไทยมาแล้วมากกว่า 10 ปี และชำระภาษีตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด มีสิทธิ์ร้องขอการใช้สัญชาติไทย แต่ในปัจจุบันพบว่าชาวไทยภูเขามากกว่า 30 % นั้นไม่ได้ถือครองสัญชาติไทย ด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยากสำหรับคนในหมู่บ้านที่ไม่สามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้ กรณีที่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้ปกครองหมู่บ้านจึงมีมาก แต่กระบวนการต่างๆ นั้นกลับไม่มีความคืบหน้า

การถือครองสัญชาติเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของสิทธิมนุษยชน ดังนั้นจึงไม่สามารถจะวัดความไม่เท่าเทียมหรือความเสียเปรียบอันเนื่องมาจากการไม่มีสัญชาติได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกเลยที่พี่น้องชาวไทยภูเขาจะต้องการมีสิทธิถือครองสัญชาติบ้าง แต่ดูเหมือนว่าการที่ได้ถือครองสัญชาติไทยนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้

อย่างแรกคือ สัญชาติที่พี่น้องชาวไทยภูเขาสามารถถือครองได้นั้นมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน รัฐบาลจะมอบใบอนุญาตพำนักบนเขตภูเขา (บัตรชาวไทยภูเขา) หรือเปรียบเสมือนบัตรแทนตนให้แก่พี่น้องชาวไทยภูเขา ซึ่งบัตรนี้เพียงแค่ยอมรับการอาศัยอยู่เท่านั้น ไม่ใช่รับรองการเป็นพลเมือง ซึ่งถูกจำกัดทั้งการโยกย้ายถิ่นและการเลือกอาชีพ และเนื่องจากไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนไทยอย่างถูกต้อง ใบอนุญาตทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขา เมื่อไม่มีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานและค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ต้องถูกจ้างงานด้วยอัตราค่าแรงที่ถูกแสนถูก

ในความเป็นจริงแล้วการได้รับสัญชาติอย่างถูกต้องดูเหมือนจะไม่ได้รับสิทธิต่างๆเช่นเดียวกับคนไทยเลย บัตรประจำตัวประชาชนที่คนไทยใช้อยู่ทุกวันนี้จะมีการพิมพ์หมายเลขรหัสไว้ แต่บัตรสำหรับชาวไทยภูเขานั้นจะมีการเพิ่มตัวเลขเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นประชากรใหม่ หรือเป็นประชากรกลุ่มที่สองของประเทศ
กล่าวคือ— เมื่อใครมองเห็นก็จะสามารถทราบได้ทันที ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันในเรื่องต่างๆ เช่น การหางานทำ นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีพาสปอร์ต แต่ในการเดินทางไปต่างประเทศก็ยังถูกจำกัด ทั้งยังอาจถูกเพิกถอนสัญชาติตามคำสั่งของรัฐบาลได้อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถพูดได้เลยว่ารัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าให้เกิดความเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์

จากเดิมที่พี่น้องชาวไทยภูเขาสามารถโยกย้ายถิ่นภูเขาที่อาศัยได้อย่างอิสระ แต่สิ่งที่ได้รับจากการได้สัญชาติไทย กลับกลายเป็นผลตอบแทนที่ดูเหมือนว่าจะไร้ซึ่งความอิสระโดยสิ้นเชิง

.........

ป.ล. ขอร่วมไว้อาลัยกับพญาอินทรี ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ด้วยคารวะ
แม้จะหยุดโบยบินในสวนอักษรแล้ว แต่ผลงานของคุณลุงจะไม่มีวันตายครับ

5 comments:

Anonymous said...

good chance to be the first comment.

we think about our national.

world was separated by the line.

our identity card has meaning?

we don't know since we first got it
from the manicipal.

Million people want to get that card to identify where are their
home.


Where are our actually home?
and what that line meaning?

Insomniac said...

ได้ความรู้ดีครับ

Anonymous said...

แหม่ เค้าแปลดีเนอะ

ฮ่าๆ ล้อเล่น

เค้าเขียนดีเนอะ

เห็นด้วยกะคุณความเห็นที่ 1
เราเกิดมาพร้อมกับสัญชาติที่ไม่ต้องเรียกร้อง
จึงอาจทำให้ไม่เห็นคุณค่า
และไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ใช่ประชากรกลุ่มหลักของประเทศ

Anonymous said...

ึคนที่ได้มาง่าย ๆ ก็ไม่ได้เห้นคุณค่าของมันเหมือนกับคนที่กว่าจะได้มาก็เกือบจะค่อนชีวิต


หรือบางที่ได้มาก็ยังคงถูกมองเป็นพลเมืองชั้นที่สองอยู่ดี

Anonymous said...

หายไปอยู่ที่ได๋ ขะไจ๋ จะไจ๋ กลับมาเวย เวย