4/20/2010

๑๗ เมษา

แม่ดูสวยเป็นพิเศษในเสื้อปักลูกไม้สีขาว
ยิ่งใส่คู่กับผ้าถุงสีแดงเลือดหมูปักขอบด้วยทองเป็นเส้นสวยตัวนั้นก็ยิ่งงามอย่างมีคุณค่า (น้ำนม) เราเดินควงแขนกันไปทำบุญวันสงกรานต์ที่วัดใกล้ๆ บ้าน

วัดห้องคูหา— วัดเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผมและครอบครัวมาช้านาน
ตอนอายุครบบวช ผมก็เข้าบวชเรียน ณ ที่วัดนี้นี่เอง
ห้องคูหานอนมาโดยไม่ต้องมีวัดทางเลือกอื่นใดแทรกแซงขึ้นมาให้ใจไขว้เขว

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำบุญวันสงกรานต์ที่วัด ซึ่งทำกันยาวนานต่อเนื่องทั้งสิ้น 5 วัน โดยเริ่มกันตั้งแต่วันที่ 13 โน่น
ผมมาถึงบ้านกลางดึกของเมื่อคืน หลังจากไปตะลอนล่องใต้มา 4-5 วัน จนตัวดำคล้ำเขียว

เช้านี้อากาศดีมีแดดอ่อนๆ ทอแสงอุ่นๆ เมฆลอยระบายบางๆ เบื้องบน ฝูงนกกระจอกกระจิบส่งเสียงจิ๊บๆ แบบเหน่อหน่อยๆ ตามสำเนียงตะวันออกโผบินถลาเล่นลมไปมา
ระหว่างที่เดิน ดูแม่จะมีความสุขที่ได้คู่ควงเป็นลูกชายในวันที่โตเต็มวัย และเริ่มริอ่านใส่ใจรายละเอียดในชีวิตมากขึ้นทุกปีๆ ผมจึงไม่ละเลยที่จะหาเวลาลงมานั่งๆ นอนๆ คุยเล่นและกินข้าวกับหญิงงามอย่างมีคุณค่าคนนี้ให้บ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้

ที่วัด— วันนี้คนมาทำบุญหนาตา แม่บอกว่าเป็นอย่างนี้ทุกวันตลอด 4 วันที่ผ่านมา แม่บอกต่ออีกว่าเมื่อวานนั้นที่วัดมีงานสมโภชฉลองสมณศักดิ์ของท่านเจ้าอาวาสด้วย ซึ่งท่านได้เลื่อนระดับขั้นเป็นพระครูปลัดฯ จากทางคณะสงฆ์จังหวัด เมื่อคืนจึงมีมหรสพเล็กๆ น้อยๆ ให้ชาวบ้านได้พอครึกครื้นกัน มีวงดนตรีลูกทุ่ง, หนังกลางแปลง และคณะตลก มาทำการแสดง

จากทางเข้า เราเดินเลยต้นมะม่วงใหญ่อันเก่าแก่ไป
ข้างทางเดินตรงลานด้านขวาก่อนเข้าศาลาฯ หน้าพระอุโบสถมีกองพระเจดีย์ทรายประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกหลากสีอยู่อย่างสวยงามนับได้ 9 กอง ซึ่งทางกรรมการวัดเขาจัดประกวดกันเอาสนุกและเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งประเพณีไทยๆ เหมือนเช่นทุกปี แม่ชี้ชวนให้ดูกองที่ 4 จากทางศาลาฯ ซึ่งเป็นกองที่ญาติๆ ของเราสร้างสรรปั้นแต่งขึ้นกันกับหลานๆ เมื่อช่วงค่ำวาน
"สวยเชียวเนาะ" แม่แสดงทัศนะ
"งั้นๆ" ผมตอบแบบไม่ได้หมายความตามที่พูดไป

มาถึงยังศาลาวัด ผมและแม่ถอดรองเท้าวางไว้ข้างๆ กัน
เป็นแบบนี้ทุกครั้ง แม่บอกว่าวางไว้ใกล้ๆ กันจะได้ไม่หาย
ผมยังคงนึกขันขัดใจแม่มาจนตอนนี้ว่า ไม่เกี่ยว— ของมันจะหายก็หายน่าแม่

เราจัดแจงแยกข้าวและกับข้าวออกจากเถาปิ่นโต เพื่อนำกับข้าวลงถ้วยชามของทางวัดและบรรจงวางลงบนถาด เพื่อใช้สำหรับถวายภัตตาหารเช้า เดินไปตักข้าวลงบาตรพระ ซึ่งวางเรียงเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะยาวในอีกด้านหนึ่ง ระหว่างทำโน่นทำนี่ที่ว่านั้นแม่ก็พูดคุยทักทายกับคนรู้จักบรรดามีตามอัธยาศัย จากนั้นเราก็ไปนั่งรอเวลาคณะสงฆ์ขึ้นอาสนะ

หลังจากจุดธูปเทียนพระพุทธ เราก้มลงกราบพระรัตนตรัยพร้อมๆ กัน
แล้วลุงมัคนายกก็เริ่มอาราธนาศีล และกล่าวนำสวดด้วยบาลี

รับศีลห้า— กล่าวคำถวายภัตตาหาร— ฟังพระท่านสวดมนต์เช้า— กรวดน้ำ— รับพร และแผ่เมตตา รวมเวลาหนึ่งช่วงเหน็บรับประทานขาซ้ายสำหรับคนถนัดขาขวา และเป็นกรรมของขาขวา หากว่าคุณคือซ้ายธรรมชาติ (หรือจะซ้ายฟ้าสั่งก็ตามแต่)

ปกติจะเสร็จพิธีการเพียงเท่านี้ แล้วบรรดาศาสนิกชนก็จะแยกย้ายกันกลับบ้าน
แต่วันนี้นั้นทางกรรมการจัดให้มีการจัดสถานที่เพื่อรดน้ำดำหัวคณะสงฆ์ ซึ่งวันนี้มีมากกว่าปกติ ทางวัดนิมนต์มาจากวัดใกล้ๆ ร่วมด้วยบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นมิ่งขวัญและศิริมงคลในชีวิต

(อ้อ— ก่อนหน้านี้มีการประกาศผู้ชนะเลิศจากลุงมัคนายกในการประกวดกองพระทรายด้วย ปรากฎว่ากองของญาติผมได้รางวัลชมเชยไปนอนกอด เฮ... )

ตอนรดน้ำให้ผู้อาวุโสในหมู่บ้านแต่ละท่านๆ นั้นมันก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างไรก็ยากจะบรรยาย
ออกจะตื้นตันผสมปนเปไปกับความปีติยินดีพร้อมๆ กัน
คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า 'ความผูกพัน' กระมัง

หลังจากเสร็จพิธีการก็มีการโปรยทานจากผู้หลักผู้ใหญ่ใจบุญทั้งหลายให้กับเด็กๆ และวัยรุ่นหนุ่มสาว
ผมเองก็ไปยืนเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมรับทานกับเขาด้วย ส่วนแม่นั้นขอตัวเลี่ยงไปอีกทาง แล้วจัดการเอาขวดน้ำอบที่เตรียมมาจากบ้านเทลงผสมกับน้ำในปิ่นโตเปล่าให้หอมหวลก่อนที่จะจุ่มลงไปด้วยดอกไม้สดเพื่อพรมกองพระทรายทั้ง 9

กลับมาทางกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มย่อมๆ ทางด้านหน้าศาลาฯ
เสียงเฮยังคงดังต่อเนื่องทุกครั้งที่ผู้โยนทานทำการ
บ้างเหรียญบาท บ้างเหรียญห้า บ้างเป็นคูปองสำหรับนำไปแลกธนบัตรอีกทีถูกเสียบไว้กับด้านหนึ่งของก้านกล้วยซึ่งหั่นเป็นท่อนสั้นๆ เพื่อที่เวลาโปรยนั้นจะไม่ไปทำให้กลุ่มเด็กๆ หัวร้างข้างแตกเสียก่อน

โปรยปรายของทานที่ว่าเหล่านั้นส่งผลให้เกิดเสียงเฮฮาเจี๊ยวจ๊าวสนุกสนาน รอยยิ้มน้อยใหญ่โรยอยู่ตามใบหน้าของผู้คนที่อยู่ที่นั่นอย่างถ้วนทั่วกัน
บางคนก็ได้ไปหลายตังค์ บางคนก็จับกบ หกคะเมนตรงนั้น ยังมาซึ่งเสียงหัวเราะหัวใคร่รอบๆ

ซู่วว์ว์ว์.........


ผู้ใหญ่ขี้แกล้งแถวนั้นแอบเอากระป๋องไปตักน้ำจากในโอ่งใกล้ๆ มาสาดใส่กลุ่มของเราที่ออกันรับทาน ทำให้มีผู้ไม่ปรากฎสัญชาติ (ว่าชายหรือหญิง) ในนั้นกรี๊ดแตกออกมากลางวงจนเสียงหลง

งานนี้ไม่มีใครโกรธใคร
เพราะมันช่วยทำให้เราเย็นฉ่ำกันทั่วหน้า กายเปียกชุ่ม และชื่น..ลงไปถึงใจ
ในวันสงกรานต์

5 comments:

Anonymous said...

อ่านแล้วระลึกถึง คนไทย...เคยใจเย็น
Mindcopy

p'tu said...

เสื้อติงลี่
มีไซด์ใหญ่ไหม

อยากได้

ปล.ไม่เกี่ยวกับ 17 เมษา
แต่อ่านแล้วนะ
^^

1306ix said...

เรื่องเสื้อเดี๋ยวจัดให้ครับ^^

บูบู said...

ช้าไปสักหน่อย

สวัสดีปีใหม่ไทยนะค่ะ

1306ix said...

สวัสดีค่ะ