7/02/2009

Friday I’m in curve


เป้าหมายของผมและเอไอกับบาหลีในวันท้ายสุดนั้นอยู่ที่แสงสุดท้ายของวัน ซึ่งกำลังจะฉายฉานฉาบอาบคาบสมุทรบูกิต (Bukit Peninsula) ที่ริมหน้าผาของวัดอูลูวาตู (Ulu Watu) ในเวลาหกโมงเย็นเศษๆ

เรากำลังจะท้าพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเองว่าทำไมใครต่อใครที่โลวินาถึงได้แนะนำกันจังว่านี่เป็นหนึ่งในสิ่งอัศจรรย์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมายังเกาะสวรรค์แห่งนี้ จึงจัดแจงเช่ารถขับไปพิสูจน์กัน

ส่วนใหญ่แล้วในวันสุดท้ายกับการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม อากาศนั้นมักจะเป็นใจให้ในวันที่เราจะต้องจากจรเสมอ- วันนี้ก็เช่นกัน

ว่ากันว่าวันนี้ถ้าอากาศไม่เปลี่ยนไป
ผมและเอไอจะได้เห็นท้องทะเลทั้งผืนนั้นกลายเป็นสีทอง

.........

วันนั้นเป็นวันศุกร์ และเรากำลังเลี้ยวซ้าย

เท่าที่สังเกตเห็น- มือเธอไม่ได้กำพวงมาลัยไว้
แต่เป็นการแบออก- แล้วใช้ฝ่ามือขวาทาบและวาดกวาดเป็นวงวิถีโค้งจากขวาไปซ้ายวนทวนเข็มนาฬิกาประเภทอะนาล็อกประมาณสาม- สี่รอบ แล้วลำตัวเธอก็เอียงเฉียงไปทางขวาเล็กน้อยตามแรงหนีศูนย์ ในขณะที่มือซ้ายตบเป็นจังหวะในการเลี้ยวลงบนต้นขาซ้าย

ผมเองก็เอียงเอนไปแนวเดียวกันกับเธอ

ในตอน (ที่กำลังเอียง) นั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนั้นชอบอาการเอนไปทางขวาบนวิถีโค้งของหนทางมากกว่าการเอียงไปทางซ้ายในเวลาที่เส้นทางเบื้องหน้านั้นเบนเบี่ยงเลี่ยงจากทางตรงไปทางขวา

“เดี๋ยวเราขอพาอ้อมหน่อยนะ ทางข้างหน้ารถมันติดและขรุขระเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อตับไตไส้พุงของเราได้ แต่ถ้าขับเลี่ยงไปทางนี้มันจะอ้อมหน่อย ถนนดีกว่า วิวสวยกว่า และยังพอมีเวลา เผื่อว่าเธอจะอยากถ่ายรูปเก็บไว้”

เอไออธิบายตอนที่ลำตัวเราทั้งสองกำลังใกล้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติของแรงโน้มถ่วงโลก
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ธรรมชาติภายนอกรอบข้างที่นั่น, แรงหนีศูนย์ และวิถีโค้งซ้ายโค้งนั้นมันก็ทำให้ผมเข้าใกล้เธอ และเข้าใจตัวเองมากขึ้น

อา.. ช่างเป็นการเลี้ยวซ้ายที่ลึกซึ้งจริงๆ

จะว่าไปทำไมอยู่ๆ ผมดันมาใส่ใจจำจดทดกับเรื่องเล็กๆ ที่ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้ไว้ในใจก็ไม่รู้แฮะ รู้แต่เพียงว่าผมคงไม่อาจหลงลืมวูบอาการที่ว่าไปง่ายๆ แน่นอน

“ผ่านโค้งนี้ไปเราก็จะถึงกันแล้ว”
เธอเอ่ยออกมาพร้อมป้ายยิ้มใส่หน้าผม

กับเอไอ- คล้ายว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป
ผมเก็บความแคลงใจบางอย่างเกี่ยวกับเธอไว้ภายใน ทั้งๆ ที่เธอบอกว่าเธอเพิ่งเคยมานี่นา แต่ทำไมถึงได้รู้เส้นทางดีจัง เธอแสดงออกถึงความมั่นใจในเส้นทางตั้งแต่ในตอนที่อาสาเป็นคนขับแล้ว เอไอกับผมเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราพูดคุยกันถูกคอในระหว่างรอเครื่อง ก่อนจะตกล่องปล่องชิ้นกอดคอมาเที่ยวด้วยกันที่นี่เป็นครั้งแรก

การเดินทางเปลี่ยนแปลงเราทุกคนไปจากเดิมจริงๆ ทั้งเอไอ และผม

ที่เห็นได้ชัดคือจากที่เคยหยาบโลน
เธออ่อนโยนขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
ความน่าจะเป็นมีมากมายเกินไปที่จะครุ่นคิด
บาหลีคงมีอะไรบางอย่างที่ไม่มีคำอธิบาย

Everybody's changing and I don't feel the same...

ผมหยุดคำถามและความสงสัยแล้วหันมองไปข้างหน้าแทน
มีแสงสว่างบางอย่างรอเราอยู่ที่ตรงนั้น

.........

4 comments:

บิบิ said...

สุดยอด

เอ็นดี said...

เป็นไงบ้าง
คิดถึงLeeจัง

1306ix said...

Endy right?

I missss U too.
How R U?

^^

เจ๊ตู่ said...

รูปนี้สวย

ใบไม้สวยมั่กๆ