5/12/2010

ฝัน - บ้า - Kราโอเกะ

- 1 -
พูดถึงคาราโอเกะ
เท่าที่นึกได้ 4-5 ครั้งหลังสุดที่ไปก็ได้ไอ้คุณ “เค” นี่แหละเป็นคนชักคนชวน
ครั้งล่าสุดเราก็ไปแหกปากบ้าบอกันปาวๆ แถวนราธิวาสฯ จนห้องข้างๆ ต้องเดินมาเมียงมอง เหมือนจะขอลายเซ็นเราแต่ก็ไม่ พวกส่ายหัว สบถ แล้วก็เดินพึมพำกลับไป

แหม... ก็เราเต็มที่ในทุกเมโลดี้ขนาดนั้น
ย่อมต้องมีตัวโน้ตบ้าง ตัวเฮ่บ้าง แอบแลบออกไปเพ่นพ่านในระยะการทำงานของหูพี่น้องข้างห้องบ้างแหละ
หรือไม่แน่— บางทีพวกเขาอาจจะมาฟังไอ้เคมันร้องก็ได้ เพราะมันร้องเพลงออกจะไพเราะ โดยเฉพาะบทเพลงสไตล์ R&B ของคุณอ๊อฟ ปองศักดิ์ ดีวา (Deva) ตัวแม่ของเมืองไทย

“เงาเสียงชัดๆ”
ผมยกนิ้วหัวแม่โป้งทั้งสองข้าง ยืนยันนอนยันการันตีได้
เพลงอะไรนะ? ‘แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ’ ใช่ไหมนะ? นั่นน่ะ สุดยอด!
ส่วนผมนั้นจะกระเดียดไปทาง ‘โหน’ และ ‘แหก’ ปากมากกว่า
เพลงโปรดที่ผมมักกดเลือกเป็นประจำก็คือ ‘รักครั้งแรก’ ของสองพี่น้องฝาแฝดดูโอ (Duo) บางแก้ว และ ‘แกล้ง’ ของ Silly Fools
แล้วไอ้เคก็ส่ายหน้าระอาเพลงที่ผมกดเลือก
เค— มึงไม่เข้าใจ ได้ร้องเสียงสูงแล้วมันสาสมแก่ใจว่ะ!

...และแม้ ฉันไม่อาจหยุดเธอไว้ แต่ก่อนจะจากไป ช่วยแกล้งบอกรักฉันหน่อย

วะ! แต่ผมตายท่อนนี้ทุกทีสิน่า

- 2 -
เคมันชอบร้องรำทำเพลง
ไม่ถึงกับคลั่งไคล้ มันแค่ฝักใฝ่ในไมโครโฟน และอารมณ์อิมโพไวส์
กับกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าเสียงใสที่บ้านของมันตัวนั้นมันก็บรรเลงได้เสนาะนัก
ก็เหมือนกับอีกหลายๆ คนนั่นแหละ การได้เป็นนักร้องนักดนตรีคือความฝัน (ช่วงหนึ่ง) ของมัน

ว่าไปเชียว— รายนี้เขาเคยเข้าร่วมประกวดทั้งเวทีเดอะสตาร์ และอะคาเดมี่ แฟนเทเชียด้วยนะเอ้า! รายการแรกนั่นพี่เขาเบิ้ล 2 ปีซ้อนด้วย ^^

บ้านเคมันอยู่วังน้อย อยุธยา กับภรรยาและลูกๆ ที่น่ารักน่าชังทั้ง 2 คนของมัน แต่ก็เข้าเมืองมาอยู่บ่อยๆ ช่วงสุดสัปดาห์ และมักจะนัดแนะและนำพาผมไปคาราโอเกะเสมอที่พอหาเวลาได้ โดยไม่เกี่ยงงอนว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
ไอ้การที่จะไปเป็นแก็งค์ เป็นก๊วน ก็อาจจะยากไปสำหรับการระดมพลพรรค
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะแค่ 2 คนนั้นเราก็ไป
ที่สำคัญ— ไปกันบ่อยเสียด้วย

- 3 -
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเลี้ยง”
มันกร้าวออกมาตั้งแต่ต้นในทุกครั้งที่เอ่ยชวน
ทั้งๆ ที่เนื้อเต้นตุ๊บๆ และดีใจชิบหาย แต่ร่างกายมันอึกอักยึกยักแบะท่าพอให้เพื่อนรักรู้ว่าไม่ค่อยมี ’ตังค์ (ว่ะ)
และเหมือนมันก็รู้อยู่แล้วนั่นแหละ เลยสนุ้กทางปฏิเสธของผมไว้แต่ทีแรก
“เพื่อนไม่รวยหรอก เพื่อนมี”
“เค!”
ผมตอบตกลงแบบไม่ต้องเล่นตัวสั้นๆ
คำเดียวกับชื่อเล่นของมันนั่นแหละ

- 4 -
พอเราได้ห้อง ประโยคแคลสสิกที่จะตามมาก็คือ
“มึงสั่งเลย เดี๋ยวกูเลือกเพลงก่อน”
แล้วมันก็เอาคัมภีร์เพลงมาเปิดๆๆๆ กดๆๆๆ แล้วก็คว้าไมค์มาถือไว้ในมือ
ปล่อยให้ผมเป็นธุระจัดการกับอาหาร และเครื่องดื่ม
เหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องทำในทุกครั้ง

หนึ่งชั่วโมงแห่งความหฤหรรษ์มันส์พะย่ะค่ะผ่านไป
ผีห่าซาตานตัวไหนก็ไม่อาจทราบ ได้มากระชากวิญญาณศิลปินเดี่ยว (บางทีก็คู่) ออกมาจากภายในร่างกายเราครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุ้มเสียงเราเริ่มแหบแห้ง และเพี้ยนผิดคีย์ในบางเพลงที่ต้องลากเสียงขึ้นสูงกว่าสามัญ
“ต่ออีกหน่อยแล้วกัน”
แล้วมันก็จัดแจงโทรไปแจ้งพนักงานด้วยตัวเองเสร็จสรรพ
สำหรับเรา ทุกครั้งที่ไป ชั่วโมงเดียวไม่เคยพอ

- 5 -
ผมชอบเสียงเพลง
ชอบฟังเวลาที่เพื่อนๆ และคนรอบข้างร้องหรือฮำเพลงออกมาในชีวิตประจำวัน
เพราะนั่นหมายถึงว่าคนๆ นั้นกำลังแสดงออกมาโดยนัย ณ ขณะนั้นว่ามีอารมณ์สุนทรีย์ในชีวิต

บางที— เวลาที่เราพูดเกี่ยวกับชีวิต
ถ้าไม่นับความฝัน
เสียงเพลง และคาราโอเกะนั้นอาจจะเป็นส่วนผสมหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตธรรมดาๆ ของเราน่าฟังขึ้นก็เป็นได้
ไม่ว่าคุณจะร้องเพี้ยนหรือร้องเพราะก็ตาม

.........


ป.ล. พี่โตแกล้งทุกคนที่กดเพลงนี้

4 comments:

babyshampoo said...

อยากร้องเกะ

K said...

นัดหน้าเมื่อไรดี
พ่อหนุ่มพันเสียง

1306ix said...

อุ๊ย! เงาเสียงมาเอง
ผมอิ๊ปว่าเลี้ยงเลยนะฮะ
^^

บีบี said...

อยากกินคาราเกะ