4/24/2014

ผักกะปลา

ช่วงครึ่งปีมานี่ผมหวนหาการกลับมากินข้าวกินปลาที่บ้านเสมอ
กายและงานการน่ะอยู่กรุงเทพฯ แต่อวัยวะภายในมันร่ำร้องถึงแต่สำรับกับข้าวที่บ้าน โดยเฉพาะกระเพาะ ยิ่งช่วงนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ด้วยที่ว่าแม่ผมแกปลูกผักกินเองแล้ว ผมจึงได้กินผักสด ๆ จิ้มกับน้ำพริกกะปิอันเลื่องชื่อของแม่แกทุกมื้อไป (ที่ว่าเลื่องชื่อลือชานั้นการันตีจากผมเอง)

แกเปรยไว้นานแล้วว่าอยากจะปลูกผักกินเองดูบ้าง น่าจะสนุก ติดตรงที่แกต้องถางที่ทางทำแปลงเอง เลยผัดผ่อนวันเวลาเรื่อยมา  ระหว่างนั้น ช่วงหนึ่งแกไปได้เชื้อเห็ดมาจากเพื่อนบ้าน ก็เอามาทดลองเพาะจนโต เก็บมาทำกินได้อยู่สามสี่มื้อ ก่อนจะรามือหันไปเพาะถั่วงอกแทน ค่าที่ว่ามันง่ายกว่า เจ้าถั่วงอกนี่ก็งอกงามเช่นกัน จับผัดกินกับตะกั๋ว (เต้าหู้) ไม่ก็หมูได้หลายมื้ออยู่ แล้วก็มาเป็นคิวของผักใบเขียว

อย่างที่บอก  แม่แกร่ำไปเรื่อยเรื่องแปลง จนคนที่ทนไม่ได้กลับเป็นพ่อผมเอง วันดีคืนดีแกเลยลุกขึ้นมาจับจอบจัดให้ และอานิสงส์นั้นก็ได้ตกลงกระเพาะผมด้วย

แปลงผักง่าย ๆ ของแม่นั้นล้อมรั้วเพื่อกันหมาด้วยไม้ไผ่ ภายในก็จะประกอบไปด้วยผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง กวางตุ้งฮ่องเต้ บวบ มะเขือ หัวไช่ (กุยฉ่าย) นี่ยังไม่รวมเถาถั่วพู พริก กะเพรา มะนาวกับมะละกอที่งอกเงยขึ้นมาของมันเอง  คุณลองคิดดูว่ามันวิเศษแค่ไหนที่เรามีผักเป็นแปลง ๆ สำหรับกินแกล้มในสำรับ เวลาผมได้ฤกษ์จะกลับบ้านแม่มักจะโทร.มาถามดักก่อนว่าจะมาถึงในมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ถ้าวันนั้นไม่ติดงานอะไรแกก็จะก่อไฟในเตาแล้วบรรจงย่างปลาไว้คอย  

พูดถึงปลา  ก่อนหน้านี้เกษตรฯ จังหวัดเคยมาลงพื้นที่แจกเมล็ดพันธุ์พืชและพันธุ์ปลาที่วัด พ่อผมแกก็ไปเอาพันธุ์ปลามาปล่อยในบ่อที่สวน เทียวไปเทียวมาให้อาหารอยู่เป็นเดือน ๆ ผมเองก็เอาใจช่วย ด้วยอยากให้มันออกลูกออกหลานขยายพันธุ์เยอะ ๆ จะได้จับเป็นอาหารเสีย แต่เท่าที่เป็นไปก็ดูเหมือนพวกมันจะไม่เหลือรอดมา ฝันที่จะกินปลาของพ่อก็เลยสลาย  ถ้าจะกิน  เรายังคงต้องซื้อปลาจากตลาดเข้าบ้านอยู่เหมือนเดิม

ปลานิลเป็นตัวเลือกแรกของเรา ถ้าหมดก็จะอนุโลมเป็นปลาทับทิม (มติเป็นเอกฉันท์เรื่องความอร่อย) แม่จะเลือกปลาตัวที่ดีที่สุดบนแผงมาให้เราอยู่แล้ว แกจะคัดวัตถุดิบชั้นเลิศเท่าที่พอจะสรรหาได้เสมอ เที่ยวล่าสุดแกไปได้ข้าวกล้องงอกมาจากเพชรบูรณ์ ก็หุงกินกับปลาย่าง เด็ดพริกขี้หนูกับมะนาวจากแปลงมาตำทำพริกน้ำปลา จากนั้นเก็บผักจากแปลงเท่าที่อยากมาล้างแล้วแช่เย็นรอไว้

แล้วอย่างไรต่อน่ะเหรอ ก็เหลือแค่รอข้าวสุก
อย่างที่รู้ ๆ กันว่าผักสด ๆ น่ะมันกรอบที่สุดอยู่แล้ว
เนื้อขาวนวลนุ่มออกควันฉุยของปลาย่างสุกใหม่ ๆ จากเตานี่ก็หอมและหวานเป็นที่สุด
ยิ่งหากว่าน้ำพริกในถ้วยนั้นตำใหม่ในวันเดียวกันแล้วด้วยนะ
คุณเอ๋ย...ต้องให้ผมบอกอีกไหมว่ามันที่สุดแล้ว

________________________________________________________
**ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร About Chan ฉบับที่ 12 ประจำเดือน มี.ค. 57

No comments: