11/13/2007

ยุทธหัตถี กลวิธีการเที่ยว

ซุนวู กล่าวไว้ในตำราพิชัยสงครามว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
แม้ครั้งนี้จริงๆ ผมจะไม่ได้ออกไปรบหรือทำศึกสงครามกับใครแต่อย่างใด
ผมก็เพียงแค่หาเรื่อง (บางคนก็เข้าใจว่า ‘หาเรื่อง’ จริงๆ แม้ฟังดูแง่ลบ แต่ผมกลับชอบยังไงไม่รู้) ออกเดินทางไปเที่ยวเล่นอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่หากลองเปรียบเปรยเอาเองว่าถ้าลองออกแบบหรือคิดให้มันเป็นการออกศึกจริงๆ โดยใช้คำสอนของท่านซุนวูมาเป็นแนวทาง ก็ดูจะน่าสนใจไม่น้อย เพราะพอได้ยินหรือพูดถึงการ ‘ออกศึก’ แล้วมันดูคึกคัก และใจมันก็เต้นตึ๊กตั๊กดี (ในกรณีตัดสินใจมองข้ามลม ฟ้า และอากาศไปอย่างไม่สนใจใยดีเรียบร้อยแล้ว)

ฉะนั้นการ ‘รู้เขา’ ในครานี้น่าจะเป็น ‘ข้อมูล’ เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมขนส่ง, อาหารการกิน, ค่าเงินที่แตกต่างกัน, ที่พัก, แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีและการดำรงชีวิตของผู้คนที่นั่น จึงนับเป็นเรื่องที่ต้องรู้ และจำเป็นมากในการที่จะต้องตรากตรำกรำศึกอันใหญ่หลวงครั้งนี้

บรรดาข้อมูลต่างๆ จึงถูกผมค้นหาและรวบรวมเพื่อใช้เป็น ‘อาวุธ’ ในการเดินทาง โดยแหล่งอาวุธที่ว่านั้นก็ได้มาจาก เว็บไซต์ Trekkingthai (www.trekkingthai.com) และเว็บไซต์ Pantip (www.pantip.com) ในห้อง Blue Planet ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ของผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการเดินทางทุกเพศทุกวัยโดยแท้ และอาวุธชิ้นสำคัญที่จะขาดไม่ได้ นั่นคือ หนังสือไกด์บุ๊ค ‘เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยเวียดนาม’ ของคุณภู เมฆพิพัฒน์
ซึ่งคุณภูได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ระหว่างที่เดินทาง รวมถึงรายละเอียดยิบย่อยที่สำคัญๆ ในเวียดนามกลางได้ดีมากๆ! ถือได้ว่าเป็น ‘อาวุธลับ’ ชิ้นเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะมันเหมาะมือและก็เจ๋งมาก!

เมื่ออาวุธครบมือแล้วแผนการ (ที่ไม่ชั่วและร้ายแต่อย่างใด) จากที่ก่อนหน้ามีอยู่แต่แค่ในหัว ก็ได้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นโปรแกรมการเดินทางลงบนแผ่นกระดาษ เพื่อที่จะใช้เป็นคู่มือการเดินทางในแบบฉบับของผมเอง ซึ่งก็พบว่าต้องใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดร่วม 9 วันครึ่ง โดยวันแรกนั้นเริ่มจากการนั่งรถทัวร์จากหมอชิตขึ้นไปมุกดาหารในคืนวันศุกร์เพื่อข้ามไปยังลาวด้วยสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ในช่วงเช้าของวันเสาร์เพื่อไปยังสะหวันนะเขต

จากนั้นต่อรถท้องถิ่นเที่ยวเที่ยงเพื่อไปยังชายแดนลาว-เวียดนาม แวะนอนเล่นที่ชายแดนลาวในคืนที่สอง (วันเสาร์) ซึ่งสาเหตุที่แวะนอนเล่นชายแดนเพราะสืบและทราบมาว่า ตรงชายแดนฝั่งลาวนี่ชาวบ้านแถวนี้เค้าเรียกกันว่า ‘แดนสะหวัน’ ซึ่งฟังดูมันไปพ้องกับ ‘แดนสวรรค์’ อย่างมีนัย จะเป็นไรไปเล่า ถ้าใครสักคนจะแวะนอนเล่นบนสวรรค์สักคืน หากมีโอกาส

เช้าวัดถัดไป (วันอาทิตย์) ก็ทำเรื่องข้ามแดนที่ด่านลาวบาวของเวียดนามเพื่อเข้าประเทศ และต่อรถจากที่ด่าน ล่องไปตามเส้นทางหมายเลข 9 เพื่อไปทำความรู้จักกับ ‘เว้’ และ ‘ฮอยอัน’ เมืองมรดกโลกในเวียดนามกลาง หลังจากที่พอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘เขา’ (เว้) และ ‘เธอ’ (ฮอยอัน) มาบ้างแล้ว

พักผ่อน กินและเที่ยวที่เว้หนึ่งคืน แล้วก็จับรถต่อไป ‘ฮอยอัน’ ในเช้าวันถัดไป (วันจันทร์) อาจใช้เวลาที่ฮอยอัน 2-3 วันแล้วแต่สถานการณ์ เพราะทราบมาว่าที่เมืองฮอยอันนี่ฉันรักเธอมาก อยู่เป็นเดือนก็ไม่เบื่อ จากนั้นกลับมาเว้อีกครั้งเพื่อนั่งรถไฟขึ้นไปให้ถึง ‘ฮานอย’ เมืองแห่งกาแฟและเสียงแตร ในตอนเหนือของเวียดนามในวันที่เจ็ด ของโปรแกรม (เช้าวันศุกร์, ส่วนคืนวันพฤหัสฯ นั้นไซร้
นอนบนรถไฟเอย)

.........

ในส่วนของที่พักในฮานอยนั้น จำได้ว่าเคยอ่าน ‘เด็ดดอกไม้ริมทาง’ ของคุณเพลงดาบแม่น้ำร้อยสายเมื่อไม่นานก่อนนั้น มีบทหนึ่งคุณเพลงดาบฯ พูดถึง Youth Hostel ที่พักคุณภาพแต่ราคาคุณหนู ซึ่งกระจายอยู่เกือบทั่วทุกเมืองทั่วโลกไว้ ซึ่งน่าสนใจมาก สำหรับ Youth ในบางกอกนั้นตั้งอยู่ตรงถนนพิษณุโลก
( ดูรายละเอียด Youth Hostel Thailand ได้ที่ www.tyha.org) วันว่างๆ วันหนึ่งผมจึงหาเวลาแวะไปที่นั่นเพื่อขอข้อมูล และก็ถือโอกาสจองที่พักที่ฮานอยกันเหนียวไว้ก่อน เพราะคาดว่าคงจะไปถึงที่นั่นตอนเวลาเช้าตรู่ เห็นท่าจะไม่เหมาะกับการออกเดินหาที่พักสักเท่าไหร่ ส่วนเว้และฮอยอันนั้นไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องที่พัก คงเดินหาได้ไม่ยากนักจากข้อมูลเกี่ยวกับที่พักที่มีอยู่

.........

ทำความรู้จักและรับลมหนาวแรกของปีกับฮานอย เดินเล่น, จิบกาแฟ, พูดคุยและกินดื่มที่ฮานอยสักสามวันให้พอสนิทสนม ซึ่งในวันที่สองที่ฮานอยนั้น
(วันเสาร์) ก็หาซื้อตั๋วเพื่อไปล่องอ่าวฮาลองเบย์ กินลมชมวิวผิวปากกระชากวัยที่นั่นหนึ่งวัน ส่วนที่เหลือวันสุดท้ายก็เก็บตกย่านเมืองเก่า (Old Quater) ให้มากที่สุดเท่าที่วันเวลาจะเอื้อ (‘เกินได้แต่อย่าให้ขาด’ คำแม่สอนตั้งแต่เด็กๆ ว่าไว้)
จากนั้นก็คงถึงคราวที่ต้องบอกลาฮานอยเพื่อที่จะไปปิดโปรแกรมการท่องเที่ยวครั้งนี้ที่สนามบินนอยไบในเช้าวันที่สิบ เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับบางกอก...

อะแฮ่ม! เป็นอย่างไรบ้างล่ะท่านซุนวู

ศึกครั้งนี้แม้จะไม่ถึงกับได้รับชัยชนะแบบใสๆ

แต่ผมมั่นใจว่า ยังไงๆ ก็คงไม่พ่ายแพ้กลับมาอย่างแน่นอน

2 comments:

Anonymous said...

แหม คราวนี้เลยมีแต่ตัวหนังสือเพียวๆ ซะยาวเลย
ก็ดี อ่านจนเบื่อเลย -"-
แล้วจะรออ่านตอนต่อไป ว่าสุดท้ายแล้วแผนที่วางไว้จะเป็นยังไง

prawit said...

หุๆๆ รอดูภาพอยู่นาน มาเพียบเลย ทั้งภาพ ทั้งข้อความ หุๆๆ รอตอนต่อไปครับ