6/04/2007

เมื่อรัก (เล็กๆ) ฉันเกิด



น้ำตาของเธอไหลพราก เมื่อการมาถึงของห้วงนาทีที่ต้องเอ่ยวลี “ลาก่อน”
แล้วเธอก็จากไป ผมยังจำวันแรกที่เราพบกันได้

…………

“ชื่อเมงูมิใช่มั๊ย?”
นั่นคือประโยคแรกที่ผมทักเธอทั้งสาม (จริงๆ ผมทักคนเดียวเพราะรู้จักชื่อผ่านมาจากพี่ชายที่พักอยู่ด้วยกัน แต่ใจอยากรู้จักทั้งสามคนอยู่ลึกๆ) ออกไปในวันแรกที่เราเจอกัน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
เธอตอบกลับผมพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันชื่อเมงูมิค่ะ นี่เอริค่ะ และนี่ชิโฮะ”
จากนั้นความสัมพันธ์ของเธอทั้งสามคนกับผมก็เริ่มขึ้น...
เช่นกัน จากนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับผมก็เริ่มขึ้น...
กับเธอ... ชิโฮะ ไคโฮ (Chiho Kaiho)

เธอทั้งสาม เอริ เมงูมิ และชิโฮะเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บ้านเราเพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันและกัน รวมระยะเวลาทั้งสิ้นสิบเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว (2006)
ถึงพฤษภาคมปีนี้ (2007)
เอริกับเมงูมิมาเข้าพักที่อพาร์ทเม้นเดียวกันกับผมจากการแนะนำผ่านรุ่นพี่คนหนึ่งของพวกเธอ หลังจากนั้นไม่นานนักชิโฮะก็ตามมาพักด้วยกัน
นั่นคือสาเหตุที่เราทั้งสี่รู้จักกัน
หลังจากวันนั้น เราก็ติดต่อพูดคุยกันอยู่เป็นนิจ นัดพบเจอ เที่ยวเล่นกันอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะกับนางสาวชิโฮะ

ชิโฮะ เป็นคนมีเสน่ห์น่าพิสมัยกว่าเอริกับเมงูมิอยู่นิดหน่อย เธอเป็นคนที่เรียนและทำงานพิเศษอย่างหนัก แต่ก็เต็มที่กับการเที่ยวทุกรูปแบบเช่นกัน ส่วนอีกสองคนนั้นเรียกว่าเรียบง่ายไม่หวือหวาวูบวาบเท่าเธอ
“อยู่เมืองไทยไม่นาน ถ้าทำอะไรได้ก็อยากทำให้เยอะๆ”
เธออธิบายให้ฟัง
ใจไหวแต่บางครั้งร่างกายก็ไม่พร้อม
ช่วงหนึ่งเธอป่วยสาเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่นั่นเหมือนไม่มีผลกระทบกับเธอเท่าไรนัก หายไข้เธอก็เต็มที่กับชีวิตอีกครั้ง
ผมชอบเธอ

สิ่งหนึ่งที่เก็บวันเวลาของเราทั้งสองตลอดมาน่าจะเป็นข้อความเหล่านั้น ข้อความที่เราส่งให้กันและกัน ไล่เรียงมาตั้งแต่วันลอยกระทง, วันเกิดผม วันเกิดเธอ,
คริสตร์มาส, ปีใหม่, วาเลนไทน์ และอีกในหลายๆ วันเรื่อยมาจนคืนก่อนลา

"Prungnii are u free?! I wanna go to loykrathong with u and khun oo and pii dream, of caurse with camera, take pic and see thai romantic nite."
ผู้ส่ง: Chiho
+66877048845
4 Nov 2006
14:43:24


ผมกับชิโฮะได้มีโอกาสได้สืบสานประเพณีลอยกระทงเมื่อวันเพ็ญเดือนสิบสองครั้งก่อนด้วยกัน เนื่องจากเธอต้องทำรายงานเรื่องนี้ด้วย เธอจึงชวนผมและพี่ที่รู้จักกันมาร่วมกิจกรรมงานประเพณีนี้ด้วยกัน

นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ร่วมงานประเพณีนี้ เนื่องจากตามความเหมาะสมประเพณีควรปฏิบัติกันอย่างต่ำสองคนขึ้นไป (คู่หนึ่งน่าจะเหมาะที่สุด เพราะไปเป็นหมู่คณะดูจะอึกทึกไป) ซึ่งผมก็ร้างราจากงานประเพณีที่มามาตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน (จริงๆ ก็ไม่มีคู่นั่นแหละ)
คืนนั้น... วันที่พระจันทร์เต็มดวงคืนนั้นผมมีความสุขมากเหลือเกิน

หลังจากคืนนั้นผมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นในความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อได้พบกับเธอ
ผมยิ่งชอบเธอมากขึ้น
หัวใจที่แห้งผากมานาน แม้น้ำเพียงหยดเล็กๆ ก็สามารถทำให้มันชุ่มช่ำได้

วันเวลาดำเนินและเป็นไปของมันอย่างเคย ไฉนเลยจะเรียกร้องกลับคืน

สิบเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ใครที่ไม่ต้องประสบกับการลาจากคงเห็นว่ามันเป็นสำนวนนิยายน้ำเน่าคร่ำครึ
แต่กับคนที่ต้องเจอ มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่อยากให้วันคืนแห่งการร่ำลามาถึง

“ไม่อยากกลับเลย ชิโฮะไม่อยากกลับเลย”
ภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นรำพันออกมาตลอดเวลาที่สนามบิน
น้ำตาของเธอไหลพราก เมื่อการมาถึงของห้วงนาทีที่ต้องเอ่ยวลี “ลาก่อน”
แล้วเธอก็จากไป ผมยังจำวันแรกที่เราพบกันได้

…………

คืนนั้นหลังกลับจากส่งเธอที่สนามบิน ตลอดทางเราโดนกระหน่ำด้วยฝนอย่างหนัก ฝนที่ตกต่อเนื่องในเมืองไทยมาตั้งแต่ปลายเดือนสาม มันเล่นงานเราตั้งแต่ออกจากสนามบิน ผมนั่งอยู่ริมกระจกในรถแท็กซี่กับเพื่อนๆ ของเธออีกสี่คน เราต้องกลับเข้าเมืองด้วยกัน พวกเพื่อนๆ ของเธอยังไม่มีกำหนดกลับช่วงนี้
ตลอดทางกลับเพื่อนๆ ของเธอสนทนากันด้วยภาษาของพวกเธอ ภาษาที่เป็นสำเนียงเสียงเดียวกัน“เธอ”คนที่เพิ่งลาจากกันที่สนามบิน

เธอ...คนที่อยู่ในใจผมตลอดสิบเดือนที่ผ่านมา
เธอ...คนที่ส่งสำเนียงเสียงภาษาแบบเธอให้ผมได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
เธอ...คนที่ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของหัวใจตัวเอง

มองออกไปนอกรถ ภาพของกรุงเทพฯ ยามราตรีค่ำคืนนั้นรู้สึกได้ถึงความหม่นเศร้า และเหงาอย่างจับใจ
น้ำตาก็พลันไหลออกมา เมื่อนึกถึงเธอ
ผมรำพึงในลึกๆ ของหัวใจเป็นสำเนียงของตัวเอง
“ซาโยนาระ”

僕はまだあなたのことが好き。
聞こえてる?
あなたがどこにいても、僕はあなたのことをいつも考えてる。
聞こえてる?
僕はあなたに会いたい...


จะเป็นไรไป ก็แค่กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง...

ได้แต่หวังว่าวันเวลาที่ฝนจางปีนี้ หัวใจผมคงจะดีขึ้น


1 comment:

Anonymous said...

ไม่น่าเชื่อว่าเราอยู่กันของละซีกโลก แต่เราก็มีรักเล็กๆที่คล้ายกัน พัทขอเรียกรักเล็กๆของพัทว่า"รัก"(ขอเป็นสำเนียงคนไทยแต่เกิดที่อเมริกาละกัน)
ถ้าใครไม่ได้มาพบเจอกับการที่ต้องเอ่ยคำว่า ลาก่อนกับคนที่เรารัก พัทพนันได้เลย คนเหล่านั้นไม่มีทางรู้ได้ว่าคำนั้นมันเจ็บปวด แล้ว มันก็ยากมากแค่ไหนที่จะต้อง เอ่ยคำว่า "Good Bye" พร้อมปล่อยมือจากอ้อมกอดของกันและกัน.
น้ำตากับพัทเรียกได้ว่าตอนนี้เราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน หลังจากที่พัทรู้ว่า"รัก"ของพัทได้รับโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งและต้องเปลี่ยนที่ทำงานเป็นที่ฮ่องกงแทน. โลกแห่งความจริงคือสิ่งที่เราทุกคนต้องยอมรับ เค้าเดินจากไปเพื่อความก้าวหน้า มันเป็นสิ่งที่พัทพร่ำบอกกับตัวเองพร้อมกับน้ำตาเสมอตลอดเดือนที่ผ่านมา.

No more "Dinner", No more "Movies", No more "Come or Go over my house", No more"hugs and kisses", and No more "Joey and Pat in California."

อีกห้าวันข้างหน้า มันคงเป็นวันที่พัทต้องพูดคำว่า "Good Bye" ถึงแม้พัทจะเตรียมใจพูดคำนี้ แต่พัทก็ไม่รู้ว่าจาพูดมันออกมาได้มั้ย หรือว่า จะมีแต่น้ำตาที่ออกมาแทน.

To: Mr.Somebody
Thank you for bringing valentine back to me again!
"Happy Valentine's Mr.Somebody"
Thank you for having been thinking of me
"I have been thinking of you too"
Thank you for made me crazy when you not around me!
"You're trouble maker"
Thank you for every meals that you sit next to me!
"I called happy meals"
Thank you for your smile!
"You know what that smile is killing me"
Thank you for every hugs that you hold me!
"I love those hugs"
Thank you for every sweet moments that you gave me!
"That's so freaking sweet"
Thank you for being with me!
"You made me falling in love again"
and
Thank you for be my somebody!
"Absolutely, I'm in love with Mr. somebody"
--------Good Bye--------
Pat