8/31/2007

นอนเถอะโยม


ช่วงหลังๆ นี่ผมมักโดนยิงคำถามจากสหายอยู่บ่อยครั้งว่าการงานช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?, ดีไหม?, ชอบไหม?, พอใจไหม?, เงินดีไหม?, เมื่อไหร่จะแต่ง?
(อย่างหลังนี่ดูเหมือนไม่ค่อยเกี่ยวกับสองสามคำถามก่อนหน้า แต่นั่นก็อยู่ในคำถามชุดเดียวกัน) สาเหตุของคำถามน่าจะมาจากลักษณะงานของผม ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นคงแน่นอนอะไรเลย เพียงแต่ว่าตัวผมเองก็ไม่ได้เรียกร้องลักษณะงานสายนั้นอยู่แล้ว แต่ก็เข้าใจว่าคำถามที่เอ่ยนั้นมาจากความเป็นห่วงเป็นใย
ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ เอ๊ย! ครับ

ส่วนใหญ่คำตอบของผมมักจะเป็นทีเล่นซะมากกว่าที่จริง เนื่องจากทีจริงก็คือผมยังไม่ชัดเจนในคำตอบเหล่านั้นเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งอาจมาจากตัวผมเองนั้นแม้ว่าเคยเรียนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ที่สอนให้ ‘มองไกล’ มาแล้ว แต่ดูเหมือนตัวผมเองยังคง ‘มองใกล้’ และใส่ใจกับเรื่องราว ‘ปัจจุบัน’ รอบข้างเสียส่วนใหญ่ ถ้าจะให้พูดแบบเข้าข้างตัวเอง ผมอาจตอบได้ว่า ผมพอใจกับปัจจุบัน แต่ก็นั่นอีกแหละ หลายคนอาจทักให้มองถึงอนาคตบ้าง คนที่ไม่วางแผนอะไรในชีวิตเลย
อาจประสบกับความล้มเหลวทางชีวิตได้

ไม่รู้สิ – ผมว่าอะไรจะเกิดจะดับก็ต้องเกิดต้องดับ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ยอมรับมัน
และหัวเราะใส่มันดีกว่า

มีอยู่คืนหนึ่ง ผมได้ร่วมเดินทางไปกับคณะผ้าป่า เพื่อไปทอดผ้า ณ วัดบ้านผักไหม จังหวัดสุรินทร์ ในวันเข้าพรรษาจากคำชวนของแม่ และทีมงานแม่บ้านอีกกว่าสามสิบชีวิต ซึ่งตัวผมก็ยินดีร่วมเดินทางไปกับคณะอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดเท่าใดนัก ได้เที่ยว แถมยังได้บุญด้วย

ที่วัดบ้านผักไหมนี้ยังไม่มีโบสถ์ มีเพียงศาลาวัด และเพิงที่สร้างกันแดดกันฝนเป็นครัวไว้ทำอาหารต้อนรับบรรดาญาติโยมผู้มาเยือน โดยญาติโยมเจ้าบ้าน
พอตกกลางคืนก็มืดสนิท และเงียบกริบราวนาช้า (มีแต่นา ป่าบ่มี)

พัดลมเพดานใบเขื่องบนหลังคาวัด ยังคงหมุนเอื่อยๆ ในค่ำคืนไร้แสงสี
แต่มีเสียงแมลงรรรงมอยู่โดยรอบ
เจ้าอาวาสเดินมาเอ่ยบอกญาติโยมให้พักผ่อน ก่อนท่านจะขอตัวไปจำวัดว่า
“ที่นี่ยังไม่ค่อยพร้อมนะโยม อะไรๆ ก็มีน้อย มีน้อยก็ใช้แต่น้อยนะโยม
คิดเอาเสียว่าน้อยคือมาก”

ผมได้ยินแล้วก็แอบอมยิ้ม

ไม่รู้ว่าท่านเจ้าอาวาสจะหมายถึงคำๆ เดียวกับคุณตามีส ฟันเดอโร (Ludwig Mies van der Rohe) สถาปนิกชาวเยอรมันที่จัดอยู่ขั้นเทพที่นำแนวคิดที่ท่านเจ้าอาวาสเพิ่งบอกเมื่อกี้นี้มาใช้เป็นแนวทางการทำงานของคุณตาเค้า
ที่ภาษาปะกิตใช้ว่า “Less is more” จนงานของคุณตาเค้าเป็นงานระดับขึ้นหิ้งมาจนทุกวันนี้หรือเปล่า

ไม่รู้สิ – ผมคิดเอาเองว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่น่ารักดี

นี่ถ้าท่านเจ้าอาวาสพูดกำกับด้วยภาษาปะกิตต่อท้ายไปด้วยล่ะก็
ผมมีหวังนอนท้องแข็งถึงเช้าแน่ๆ เลย

3 comments:

Anonymous said...

แหม... จะนอนแล้วยังมีกะใจถ่ายรูป

Anonymous said...

ขำดีอ่ะ...เอาอีกดิพี่ลี่

บีบี said...

มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ


LEss IS moRE