9/25/2007

Between





- หลังเกิดเหตุ -

เป็นเวลาเนิ่นนานถึงนานมากแล้วที่ผมพยายามมองโลกอันโหดร้าย เน่าเฟะและโสมมใบนี้ในแง่ดี จนหลงลืมและละเลยโลกในด้านจริง ผมหมายถึงโลกจริงๆ ที่ "เป็น-อยู่-คือ โลก" เพราะคิดอยู่เสมอว่าในความเน่าเฟะ เละเทะและโสมมนั้นยังมีความอัศจรรย์ธรรมชาติที่น่าค้นหา และซอกมุมที่สวยงามซ่อนอยู่ ยังมีรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ๋ไร้เดียงสาจากเด็กน้อยที่เพิ่งเริ่มขวบปีในโลกใบนี้ ยังมีแสงแดดยามเช้าแสนอบอุ่นในวันที่โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ยังมีสายลมเย็นสบายโชยเอื่อยๆ ตามลำคลองที่เน่าเหม็นไร้ออกซิเจน ยังมีความรักที่เติมเต็มให้กันและกันของชายหญิงขณะที่ตลอดชีวิตใครบางคนนั้นก็ไม่เคยได้รับและรู้จักกับคำว่ารักเลย ยังมีดอกไม้แสนสวยที่งอกเงยขึ้นอย่างสงบอยู่กลางสนามรบท่ามกลางเสียงปืน และคราบคาวเลือดของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนที่บรรจงปลิดชีพกันเอง!

เพียงความสวยงามเล็กน้อยแค่นั้นก็เพียงพอที่จะสร้างรอยยิ้มและความอิ่มเอมชุ่มชื่น ช่วยหล่อเลี้ยงให้เหล่าชีวิตที่ต่างเกิดมาชดใช้กรรมตามปริมาณที่ได้สร้างไว้มากน้อยจากภพชาติที่แล้วให้ดำเนินต่อไปในชาตินี้ หากเพียงแค่ไม่ละเลยที่จะมองหามันให้เจอ

ปีแล้วปีเล่า- ผมยังคงมองโลกเพียงแค่แง่มุมที่สวยงามเรื่อยมา

ปีแล้วปีเล่า...

แล้วก็เหมือนกับมีบางอย่างมาสะกิดเตือนผม (ค่อนไปทางแรง) แล้วสั่งสอน
(น่าจะเป็นการสั่งอย่างเดียวมากกว่า) ให้ผมตระหนักว่า

“อย่าลืมเสียล่ะ ว่าโลกนี้มันยังคงโหดร้าย เละเทะและโสมมอยู่”

ครับ- ผมจะจำไว้

ผมมันคนประเภทเจ็บแล้วจำอยู่แล้ว

4 comments:

Anonymous said...

หลังจากนั้น น่าจะถามมันว่า
"รู้ไหมกูลูกครายย" ให้มันยืนคิดนิดนึง แล้วอาศัยจังหวะช่วงที่มันยืนนึกอยู่ กระโดดถีบมันกลับ 2ตีนเลย (ท่านี้ต้องหาหลักหน่อย เพราะเราเอาตีนถีบมัน 2 ตีน แล้วเราจะยืนยังไง)พอถีบมันแล้ว ใช้ช่วงเวลาที่เหลือในชีวิต วิ่งหนีมันให้เร็วที่สุด
อย่างน้อย มันก้อได้คืนวะ
ถึงตอนหลังจะจบไม่ค่อยสวย
ฮา

Anonymous said...

โลกนี้สวยงาม
แต่คนบางคนทำให้มันไม่สวยงาม

1306ix said...

ขอบคุณที่ชี้แนะครับท่านพี่ และศิษย์น้อง

Anonymous said...

โลกนี้มีหลายเชดสี
น้อยคนนักที่จะเห็น